ก้าวสำคัญสู่ความเท่าเทียม นโยบายการลาคลอดในวงการกีฬาหญิง
ในโลกของกีฬาอาชีพ การเป็นนักกีฬาและการเป็นแม่มักถูกมองว่าเป็นเส้นทางที่ขัดแย้งกัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังท้าทายมุมมองนี้
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Allyson Felix นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก 11 สมัย เปิดเผยว่า Nike พยายามลดค่าตอบแทนของเธอลง 70% หลังจากคลอดบุตร เรื่องราวนี้จุดประกายการถกเถียงเกี่ยวกับสิทธิการลาคลอดของนักกีฬาหญิง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
Nike ตอบสนองด้วยการปรับปรุงนโยบาย รับประกันว่าจะไม่ลดค่าตอบแทนเป็นเวลา 18 เดือนสำหรับนักกีฬาที่ตั้งครรภ์ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ส่งผลให้องค์กรกีฬาทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการสนับสนุนนักกีฬาหญิงที่ต้องการมีครอบครัว
ในวงการฟุตบอลอังกฤษ สมาคมฟุตบอล (FA) และสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) ได้ร่วมกันสร้างนโยบายที่ให้นักกีฬาได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนใน 14 สัปดาห์แรกของการลาคลอด โดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาการทำงานกับสโมสร
วงการรักบี้ก็ไม่น้อยหน้า สหพันธ์รักบี้ฟุตบอล (RFU) ประกาศนโยบายที่ให้นักกีฬารักบี้หญิงทีมชาติอังกฤษได้รับสิทธิลาคลอด 26 สัปดาห์โดยได้รับค่าจ้างเต็ม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ย้ายไปทำงานที่ปลอดภัยกว่าในช่วงตั้งครรภ์
ล่าสุด FIFA ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการประกาศแนวทางปฏิบัติใหม่ที่ครอบคลุมทั้งนักกีฬาและโค้ช ให้สิทธิลาคลอดโดยได้รับค่าจ้างอย่างน้อย 14 สัปดาห์ และยังขยายสิทธิไปถึงผู้ที่รับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรมและแม่ที่ไม่ได้คลอดบุตรเอง
Jill Ellis อดีตโค้ชทีมชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเราในฐานะผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ เปิดโอกาสให้นักกีฬาอาชีพสามารถเป็นแม่ได้”
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนนักกีฬาหญิง แต่ยังส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในวงการกีฬาโดยรวม อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับครอบครัว
Sarai Bareman หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายฟุตบอลหญิงของ FIFA เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนให้นักกีฬาสามารถอยู่กับครอบครัวระหว่างการแข่งขันสำคัญ
ในขณะที่เราเฉลิมฉลองความก้าวหน้านี้ เราต้องตระหนักว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ การสร้างวงการกีฬาที่ยอมรับและสนับสนุนนักกีฬาทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงใดของชีวิต เป็นเป้าหมายที่เราต้องมุ่งมั่นต่อไป เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสและเท่าเทียมสำหรับทุกคนในวงการกีฬา
และนี่คือตัวอย่างของการส่งเสริมให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ประเทศไทยสามารถนำมาเป็นแบบอย่างเพื่อกำหนดนโยบายในการส่งเสริมให้คนอยากมีบุตรเพิ่มขึ้นนั้น มีความเป็นไปได้
ข้อมูลประกอบการเขียนบทความ
https://www.michelmores.com/employment-insight/athletes-fight-for-maternity-rights/
ภาพประกอบ : frhttps://www.freepik.com/free-photo/pregnant-woman-exercising-alone-outdoors_18955658.htm#fromView=search&page=1&position=28&uuid=9a6f8b2b-b143-4fb1-a051-5a08ec2739fa