








ข่าวภาคีเครือข่าย
ภาคีเครือข่าย พัฒนาระบบการให้คำปรึกษาและกลไกพัฒนาศักยภาพ
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผนึก สสส. ยูนิเซฟ และภาคีเครือข่าย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผนึก สสส. ยูนิเซฟ และภาคีเครือข่าย วางยุทธศาสตร์ยกระดับพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบองค์รวม พร้อมประกาศปี 2569 เป็น “ปีแห่งปฐมวัยท้องถิ่น” เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จัดประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย และการยกระดับคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมีผู้แทนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ณ ห้องประชุม 5501 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เป็นวาระสำคัญของชาติ พร้อมประกาศแนวคิดให้ ปี 2569 เป็น “ปีแห่งปฐมวัยท้องถิ่น” โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อาทิ นายสุรพล เจริญภูมิ (รองอธิบดี), นายพลวัฒน์ การุญภาสกร (ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น), นางสาวชลิดา ยุตราวรรณ์ (ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการจัดการศึกษาปฐมวัยและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารจาก สสส. อาทิ นายธนา ยันตรโกวิท (ผู้ทรงคุณวุฒิ), นางสาวณัฐยา บุญภักดี (ผู้อำนวยการสำนัก 4), ดร.นิสา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (ผู้อำนวยการสำนัก 3) และตัวแทนจากยูนิเซฟ ประเทศไทย ดร.ทินสิริ ศิริโพธิ์ และภาคีเครือข่ายอื่นๆ การหารือครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการปลูกฝังวินัยจราจร สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในกลุ่มเด็กระดับปฐมวัย ที่ลงนามร่วมกันระหว่างสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 บันทึกความเข้าใจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนเชิงนโยบาย พัฒนาหลักสูตรและแนวทางการนำไปใช้ในการเสริมสร้างวินัยจราจรและความปลอดภัยทางถนนสำหรับเด็กปฐมวัย รวมถึงพัฒนากลไกการขับเคลื่อนระดับท้องถิ่น และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในประเด็นสำคัญ เช่น การส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยและการจัดการสภาพแวดล้อมหน้าสถานศึกษา กลุ่มเป้าหมายคือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่น้อยกว่า 5,000 แห่ง และครูผู้ดูแลเด็กกว่า 2,000 คน โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี สู่แนวคิดการพัฒนาเด็กแบบองค์รวมและ “ซูเปอร์เมนู” นวัตกรรม นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวมในการทำงาน โดยกล่าวว่า “ทุกคนต้องมองป่าทั้งป่าแล้วก็มองต้นไม้ทีละต้น… เป็นนกได้คือมองบินสูง มองภาพรวมทั้งป่า เป็นหนอนก็คือเมื่ออยู่ใต้พื้นที่ต้องรู้ว่าหญ้ามีเท่าไหร่ ใบไม้ตกหล่นลงพื้นดินเท่าไหร่” สะท้อนแนวคิดการทำงานที่ต้องเข้าใจทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดในพื้นที่ นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. (สำนัก 4) เสนอแนวคิดสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ • Whole Child Development: การพัฒนาเด็กแบบองค์รวม ที่ไม่ได้มองเฉพาะด้านการเรียนรู้เท่านั้น แต่รวมถึงสุขภาพกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก เพื่อให้เด็กเติบโตอย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ในทุกมิติ • Life Course Approach: การพัฒนาเด็กที่มองครอบคลุมตลอดช่วงชีวิต โดยเริ่มตั้งแต่ในครรภ์มารดา วัยทารก ปฐมวัย และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวัยเรียน พร้อมย้ำว่า “อยากจะชวนกรมฯ ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลคุณภาพชีวิตในพื้นที่ มาร่วมกันดูแลตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ไปจนถึงอย่างน้อยที่สุดคือปฐมวัย หรือเลยวัยนั้นไปอีก เพราะว่า สสส….
ชุดความรู้และเครื่องมือพร้อมใช้
รวบรวมข้อมูลพื้นที่เรียนรู้สุขภาวะที่กระจายทั่วประเทศ พร้อมให้ได้เรียนรู้
พื้นที่/นำร่อง/และศูนย์เรียนรู้ ล่าสุด
แหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจทางกายภาพและบริบทสิ่งแวดล้อมจะส่งเสริมการมีสุขภาวะที่ดีช่วยสร้างประโยชน์กับประชาชน
หนองบัวลำภูเมืองเล่นอิสระสร้างสุข: ตัวอย่างการขยายผลแนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน”
เมื่อความเจ็บปวดกลายเป็นแรงบันดาลใจสร้างการเปลี่ยนแปลง วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จะเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาเด็กของประเทศไทย เมื่อจังหวัดหนองบัวลำภูได้ประกาศตนเป็น “เมืองเล่นอิสระสร้างสุข” จังหวัดแรกของประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความหวังและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้แก่เด็กไทย แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จครั้งนี้ เริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์การดูแลเด็กไทย เมื่อปี 2565 เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง ได้ส่ายคลื่นความเศร้าโศกไปทั่วประเทศ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทุกคนตระหนักว่า เราต้องหาทางป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพจิตให้เด็กอย่างจริงจัง การนำแนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” มาสู่การปฏิบัติ ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมสุขภาพจิต และเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก ได้เข้าไปดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจของเด็กในพื้นที่ โดยนำแนวคิด “การเล่นอิสระ” มาเป็นเครื่องมือในการบำบัด การเยียวยา และการสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. เล่าว่า “การดำเนินงานส่งเสริมการเล่นอิสระในจังหวัดหนองบัวลำภู ได้เริ่มภายหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจของเด็ก ครอบครัว และผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับเด็กในพื้นที่” สิ่งที่น่าประทับใจคือ ผลลัพธ์จากการใช้แนวคิดการเล่นอิสระในการเยียวยา พบว่าการเล่นอิสระสามารถฟื้นฟูความสุขของเด็กกว่าร้อยละ 80 และเด็กสามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างมีนัยสำคัญ ความสำเร็จนี้เองที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชุมชนในจังหวัดหนองบัวลำภูตระหนักถึงพลังของการเล่นอิสระ และร่วมกันขยายผลไปสู่ทุกพื้นที่ในจังหวัด การปรับเปลี่ยนจากความคิดแบบเก่าสู่แนวคิดใหม่ แนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” ที่หนองบัวลำภูนำมาปรับใช้ ไม่ได้หมายความเพียงแค่การที่ผู้ใหญ่ทุกคนในชุมชนจะต้องช่วยกันดูแลเด็ก แต่หมายรวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ นางสาวประสพสุข โบราณมูล จากเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก อธิบายแนวคิดการเล่นอิสระว่า “การเล่นอิสระคือความสุขของเด็ก และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทุกมิติของเด็ก ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยการเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นตามความต้องการของตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ ปราศจากการชี้นำ ควบคุม หรือคาดหวังจากผู้ใหญ่” สิ่งที่แตกต่างจากการเล่นแบบเดิมคือ ในการเล่นอิสระ เด็กเป็นผู้กำหนดวิธีการเล่นด้วยตนเองตามจินตนาการและความสนใจ โดยมีผู้ใหญ่ทำหน้าที่เฝ้าสังเกต ดูแลความปลอดภัย และคอยสนับสนุนอย่างเหมาะสม การปล่อยให้เด็กได้เล่นโดยไม่แทรกแซง จะช่วยให้เด็กรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย สมองตื่นตัว และพร้อมเปิดรับการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ การขยายผลอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ความสำเร็จของหนองบัวลำภูไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการวางแผนและการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเด็ก เยาวชน ครู คณะผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แกนนำชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลการสำรวจพบว่า พื้นที่มีความต้องการที่อยากจะเรียนรู้และพัฒนาเด็กผ่านการเล่นอิสระ และมีเป้าหมายที่อยากใช้การเล่นอิสระสร้างความสุขให้เด็ก พัฒนาทักษะชีวิต และลดเวลาการใช้หน้าจอของเด็ก ปรัชทิพา หวังร่วมกลาง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา (มยพ.) รายงานผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจว่า “การส่งเสริมการเล่นอิสระสร้างสุขในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู เริ่มที่อำเภอนากลาง และอำเภอเมือง และปัจจุบันครอบคลุม 6 อำเภอ ผลการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายถึงร้อยละ 99” การสร้างกลไกการทำงานที่เข้มแข็ง …
เกี่ยวกับสำนัก 4
สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว (สำนัก 4)
เว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ออนไลน์สำหรับสื่อสารเรื่องเล่าและแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสร้างเสริมสุขภาพกลุ่มประชากรวัยเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นวัยแห่งการสร้างฐานทุนสุขภาพตลอดช่วงชีวิต (Lifelong health) ของภาคีเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักฯ
จากบล็อกของภาคี
ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด
บทความ สาระน่ารู้ มีประโยชน์
สื่อการเรียนรู้
ใหม่จากภาคีสร้างสรรค์โอกาส
