Child Impact การทำงานรูปแบบใหม่ ที่ D.I.Y วิธีการได้เอง ไม่เพิ่มภาระให้ครู แต่เด็กได้มากขึ้น
Child Impact การทำงานรูปแบบใหม่ ที่ D.I.Y วิธีการได้เอง ไม่เพิ่มภาระให้ครู แต่เด็กได้มากขึ้น
ครูเป็นหนึ่งในอาชีพในฝัน ที่ในโลกความเป็นจริงครูหลายคนกำลังฝืนทนจากภาระงานที่มากเกินไป นอกจากการสอนหนังสือวิชาหลัก ครูหลายคนยังต้องสอนวิชาอื่นควบคู่ไปด้วย ไหนจะต้องจัดการงานด้านเอกสาร งานธุรการ จัดกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน ไปจนถึงทำแบบประเมิน จนไม่มีเวลาในการเตรียมการสอน และหาเครื่องมือใหม่ ๆ มาพัฒนาการสอนให้กับนักเรียน หรือบางทีการพัฒนาการเรียนใหม่ ๆ เองที่เป็นการเพิ่มภาระให้ครูทำงานหนักขึ้นไปอีก
จะดีแค่ไหนถ้ามีตัวช่วยที่เป็นทั้งแหล่งรวมความรู้ในการพัฒนาศักยภาพเด็ก และเยาวชนให้เติบโตมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ให้ครูทำงานได้ง่ายขึ้น แล้วยังไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับครู แถมยังใช้พัฒนาการเรียนการสอนไปพร้อมกันได้อีกด้วย
แก้ปัญหาอย่างตรงจุด
“เราเริ่มจากการตั้งต้นวิเคราะห์ปัญหาของนักเรียนในโรงเรียนของเราว่าคืออะไร จนพบว่าต้องเน้นในเรื่องภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน” ครูกล้วย – ธารินี วงค์เตปิน โรงเรียนวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร เล่าให้ฟังถึงการย้อนกลับไปที่ต้นเหตุของปัญหากันใหม่ ก่อนที่จะหาแนวทางมาแก้ไขเพื่อให้เด็กมีสุขภาวะที่ดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากการกลับมาตั้งหลักใหม่ ครูกล้วยยังเปลี่ยนวิธีการทำงานด้วยการใช้ระบบของ Child Impact ที่เป็นระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยในการประเมินสถานการณ์สุขภาวะเด็ก และเยาวชน ซึ่งเป็นการกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ แทนการทำเอกสารประเมินแบบเดิมที่มีความยุ่งยาก และใช้เวลามากกว่า
ผลที่ได้จากการประเมินของระบบตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากนักเรียนบางส่วนได้รับการดูแลจากที่บ้านเป็นอย่างดีทำให้มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ โดยเฉพาะช่วงที่เรียนออนไลน์อยู่บ้านเป็นเวลานาน ซึ่งน้ำหนักที่เกินนี้ส่งผลกับการเรียนเพราะทำให้นักเรียนมีอาการง่วงนอน และไม่กระตือรือร้นกับกิจกรรมพละศึกษาเท่าที่ควร
โดยโรงเรียนวัดสร้อยทองได้นำระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม Child Impact มาใช้จากการคำแนะนำของผู้อำนวยการบวรลักษณ์ แก้วกล้าปัญญาเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสร้อยทอง ที่ได้ข้อมูลของโครงการนี้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของ สสส. จึงได้สนับสนุนให้ครูกล้วย รวมทั้งครูคนอื่น ๆ ในโรงเรียนลองสมัครเข้าร่วมโครงการ
หลังจากทดลองใช้งาน และได้ทำการประเมินผลจนพบปัญหาหลักว่าต้องเน้นด้านสุขภาพกาย ทางโรงเรียนวัดสร้อยทองเลยได้ลงทะเบียน แล้วเขียนแผนดำเนินงานขอรับทุนจากโครงการ Child Impact จนได้เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับทุนสนับสนุน เพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพกายให้กับเด็ก
ออกแบบการทำงานได้เอง
โครงการ Child Impact เป็นระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มจากเครือข่ายความร่วมมือที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว – สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยใช้การเชื่อมโยง และระดมความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนของสังคมไทยให้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ และสมบูรณ์พร้อมทั้ง 4 มิติ คือ สุขภาพกาย สุขภาพใจ สุขภาวะทางสังคม และปัญญา
นอกจากช่วยในการประเมินสถานการณ์สุขภาวะเด็ก Child Impact ยังมีการสนับสนุนสื่อความรู้จำนวนมากเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสุขภาวะเด็ก และเปิดพื้นที่ให้โรงเรียนต่าง ๆ ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ซึ่งโรงเรียนต่าง ๆ ได้นำไปใช้ปรับใช้ได้อย่างหลากหลาย ที่สำคัญหลังจากเขียนแผนดำเนินงานแล้วได้รับการอนุมัติแล้ว ทาง Child Impact ยังมีการสนับสนุนเงินทุนสำหรับใช้กับกิจกรรมต่าง ๆ อีกด้วย
“เราได้ทุนมาสองรอบ ทุนที่ได้เอามาจัดทำป้ายความรู้ ซื้ออุปกรณ์กีฬา ทำเครื่องเล่นบันไดงูช่วยให้เด็กได้มีการขยับตัวมากขึ้น โดยนำตัวอย่างจากการอบรมออนไลน์มาพัฒนา และบางส่วนมาจากคำแนะนำของกลุ่มครูที่คุยกันในกลุ่ม”
ทางโรงเรียนวัดสร้อยทองได้เอาทุนที่ได้ไปทำบันไดงู ส่วนหนึ่งเอาไปซื้ออุปกรณ์กีฬาทั้งห่วงฮูลาฮูป ไม้แบดมินตัน ไปจนถึงลูกฟุตบอล ที่ช่วยให้เด็กนักเรียนได้ออกกำลังกายกันในช่วงเวลาพักกลางวัน รวมทั้งยังใช้ในการจัดกิจกรรม ‘สร้อยทองบาสโลบ’ ให้นักเรียนได้เต้นบาสโลบ (Paslop) เป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 20 นาที ในช่วงเช้าก่อนขึ้นชั้นเรียน เพื่อให้นักเรียนได้เคลื่อนไหวร่างกายช่วยให้ร่างกายตื่นตัว พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ในแต่ละวัน
นอกจากนี้โครงการ Child Impact ยังเปิดโอกาสให้แต่ละโรงเรียนออกแบบได้เองว่าจะใช้เงินทุนสนับสนุนนี้ไปทำกิจกรรมอะไร โดยทางโรงเรียนวัดสร้อยทองได้เอาไปใช้รณรงค์ให้ความรู้กับนักเรียนในการแยกขยะ ที่ดูเหมือนเป็นกิจกรรมที่ไม่ตอบโจทย์เรื่องกิจกรรมทางกายโดยตรง แต่การแยกขยะนี้เองที่ช่วยให้เด็กนักเรียนที่นี่ลดน้ำหนักที่เกินเกณฑ์อย่างได้ผล
ภาระงานน้อย แต่ให้ผลลัพธ์ที่มากกว่า
โรงเรียนวัดสร้อยทองได้ใช้ความรู้ และเงินทุนสนับสนุนจาก Child Impact ช่วยลดจำนวนนักเรียนที่มีปัญหาภาวะโภชนาการเกินจาก 32 คน จนเหลือแค่ 2 คน โดยผลลัพธ์ที่ดีนี้มาจากการให้เด็กได้ขยับตัวมากขึ้น และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะผักสดสีเขียวในมื้อกลางวัน
ทางโรงเรียนวัดสร้อยทองภายใต้การนำของผู้อำนวยการบวรลักษณ์ ได้มีการปลูกผักปลอดสารรับประทานกันเองภายในพื้นที่ของโรงเรียน ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเมล็ดพันธุ์ผัก และอุปกรณ์ในการเพาะปลูกตั้งต้น บางส่วนมาจากเงินสนับสนุนที่ได้รับจากโครงการ
ในระยะยาวทางโรงเรียนวัดสร้อยทองยังได้รณรงค์ให้มีการคัดแยกขยะอย่างครบวงจร ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาดัดแปลงเป็นกระถางเพาะปลูก การเปลี่ยนขยะจากอาหารให้เป็นดินชั้นดี และใช้น้ำที่ได้จากการล้างกล่องนมก่อนคัดแยกมารดผัก ซึ่งกิจกรรมที่เด็กได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเกือบทั้งหมดนี้ ช่วยให้พวกเขาหันมาทานผักที่ได้ปลูกกันเองมากขึ้น
“หลายอย่างเราสอนในวิชาสุขศึกษา หรือวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว อย่างเรื่องการกินอาหารให้ครบห้าหมู่ และการเก็บข้อมูลวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนักเด็กก็เป็นงานปกติประจำวันที่ทางโรงเรียนทำอยู่แล้ว เพียงแต่โครงการมาช่วยทำให้เป็นระบบติดตามผลมากขึ้น”
โดยกิจกรรมทั้งออกกำลังกาย การปลูกผัก ไปจนถึงการคัดแยกขยะ เป็นกิจกรรมที่คุณครูในโรงเรียนวัดสร้อยทองได้ใช้เวลาควบคู่ไปกับการเรียนการสอนปกติ ทำให้ไม่เป็นการเพิ่มภาระงานให้กับครู แต่กลับกันชุดความรู้ วิธีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และเงินทุนสนับสนุนที่ได้จากโครงการยังมีส่วนช่วยให้ครูทำงานได้ง่ายขึ้น รวมทั้งทำให้เด็กเรียนอย่างสนุก และได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น
นอกจากไม่ทำให้ภาระด้านเอกสารของคุณครูเพิ่มมากขึ้นแล้ว ระบบการติดตามข้อมูลแบบดิจิทัลแพลตฟอร์มของ Child Impact ยังสามารถเข้าถึงได้สะดวกง่ายดายด้วยระบบออนไลน์ทุกที่ทุกเวลา เรียกว่าเป็นการทำงานรูปแบบใหม่ที่ไม่เพิ่มภาระให้คุณครูทำงานเอกสารน้อยลง แต่ช่วยให้เด็กนักเรียนได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น
“Child Impact แตกต่างจากโครงการอื่นตรงที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าทุนสนับสนุนที่ได้จำเป็นต้องเอามาแก้ปัญหาเฉพาะเรื่องเด็กน้ำหนักเกินเท่านั้น แต่เน้นที่ผลลัพธ์โดยให้เราได้ออกแบบการทำงานเอง อย่างเช่นเอาไปใช้กับการคัดแยกขยะ และปลูกผักปลอดสาร ต่อไปทางโรงเรียนมีโครงการให้นักเรียนฝึกทำขนมกินเอง ให้รู้จักการเลือกวัตถุดิบที่มีประโยชน์ และต่อยอดเป็นการฝึกอาชีพในอนาคต ซึ่งแต่ละกิจกรรมไม่เพิ่มภาระเอกสารให้กับครู ช่วยให้ครูได้มีเวลาไปพัฒนาการเรียนให้ดีขึ้นค่ะ”
#####