
7 เคล็ดลับ ช่วยให้เด็กหยุดดื้อและยอมฟังคุณ
การเลี้ยงดูเด็ก เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องพยายามให้ลูกฟังและเชื่อฟัง
ขอแนะนำ 7 เทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถสื่อสารกับลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพยามที่ลูกดื้อ งอแง โดยไม่ทำลายความสัมพันธ์ที่ดี
1. สร้างการสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา
การสื่อสารที่ชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เด็กฟังและเชื่อฟัง พ่อแม่ควรใช้ภาษาที่เหมาะสมกับวัยของลูก และหลีกเลี่ยงการใช้คำกำกวมหรือประโยคที่ซับซ้อนเกินไป ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ช่วยจัดห้องหน่อยนะ” ลองเปลี่ยนเป็น “ลูกช่วยเก็บของเล่นใส่กล่อง แล้วเอาเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้าซักผ้าให้หน่อยนะคะ” การให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้เด็กเข้าใจความคาดหวังของคุณได้ดียิ่งขึ้น
2. ให้ความสนใจอย่างเต็มที่
เมื่อคุณต้องการสื่อสารกับลูก ให้หยุดทำสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่และให้ความสนใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่ สบตา ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาของพวกเขา และใช้การสัมผัสที่อ่อนโยนเพื่อดึงความสนใจ วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ลูกของคุณรู้สึกว่าได้รับความสำคัญ แต่ยังเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะฟังและทำตามคำแนะนำของคุณด้วย
3. ใช้น้ำเสียงที่เหมาะสม
น้ำเสียงของคุณมีผลอย่างมากต่อวิธีที่เด็กตอบสนอง หลีกเลี่ยงการตะโกนหรือใช้น้ำเสียงที่แสดงความโกรธ แต่ใช้น้ำเสียงที่มั่นคงและอ่อนโยน การพูดด้วยความสงบและความเคารพจะช่วยให้ลูกของคุณรู้สึกปลอดภัยและพร้อมที่จะฟังมากขึ้น
4. ตั้งกฎและขอบเขตที่ชัดเจน
เด็กๆ มักจะเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้างและคาดเดาได้ กำหนดกฎและขอบเขตที่ชัดเจนในบ้าน และอธิบายเหตุผลเบื้องหลังกฎเหล่านั้น เมื่อเด็กเข้าใจว่าทำไมกฎถึงมีความสำคัญ พวกเขามักจะเต็มใจที่จะปฏิบัติตามมากขึ้น ตัวอย่างเช่น “เราต้องเก็บของเล่นก่อนนอนเพื่อให้ห้องสะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคน”
5. ให้ทางเลือกแทนคำสั่ง
แทนที่จะออกคำสั่งตลอดเวลา ลองให้ทางเลือกที่เหมาะสมแก่ลูกของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่ามีอำนาจในการควบคุมและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “แปรงฟันเดี๋ยวนี้นะ” ลองเปลี่ยนเป็น “ลูกอยากแปรงฟันก่อนหรือหลังอาบน้ำดีคะ?” การให้ทางเลือกจะช่วยลดการต่อต้านและเพิ่มความร่วมมือ
6. ใช้การเสริมแรงทางบวก
เมื่อลูกของคุณฟังและเชื่อฟัง ให้แสดงความชื่นชมและให้รางวัลพวกเขาด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจ การกอด หรือสิทธิพิเศษเล็กๆ น้อยๆ การเสริมแรงทางบวกจะช่วยสร้างพฤติกรรมที่ดีและทำให้เด็กๆ อยากทำซ้ำ อย่างไรก็ตาม ระวังอย่าใช้สินบนเพื่อให้ได้ความร่วมมือ แต่ให้มุ่งเน้นไปที่การชื่นชมความพยายามและการปฏิบัติตามของพวกเขา
7. เป็นแบบอย่างที่ดี
พ่อแม่ต้องจำไว้ว่าเด็กๆ เรียนรู้จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้ใหญ่รอบตัว หากคุณต้องการให้ลูกฟังและเชื่อฟัง คุณต้องแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นด้วยตัวเอง ฟังลูกของคุณอย่างตั้งใจเมื่อพวกเขาพูด เคารพความรู้สึกของพวกเขา และปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้สำหรับครอบครัว การเป็นแบบอย่างที่ดีจะสอนลูกของคุณถึงความสำคัญของการฟังและการเชื่อฟังได้ดีกว่าคำพูดใดๆ
การนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้อาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าอย่างแน่นอน เมื่อคุณสร้างความไว้วางใจ ความเคารพ และการสื่อสารที่เปิดกว้างกับลูกของคุณ คุณจะพบว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะฟังและเชื่อฟังมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตประจำวันของคุณง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและมีความหมายกับลูกของคุณอีกด้วย
อย่าลืมบอกตัวเองว่า เด็กมีความแตกต่างกัน และสิ่งที่ได้ผลกับเด็กคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคน อย่ากลัวที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการของคุณตามความต้องการและบุคลิกภาพของลูก ด้วยความรัก ความอดทน และความสม่ำเสมอ คุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการฟังและการเชื่อฟังได้อย่างแน่นอน