4 เหตุผลที่การตำหนิเพื่อลงโทษไม่ใช่วิธีเลี้ยงลูกที่ดี และจะตำหนิอย่างไรเพื่อไม่ส่งเสริมการใช้ความรุนแรง
การเลี้ยงดูเด็กเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพ่อแม่ทุกคน โดยเฉพาะเมื่อต้องจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของลูก วิธีดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคยคือการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษทางกาย วาจา หรือการริบสิทธิ์บางอย่าง แต่ปัจจุบันนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูเด็กต่างเห็นพ้องกันว่า การลงโทษอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการสั่งสอนลูก
เหตุผล 4 ข้อที่การตำหนิเพื่อลงโทษไม่ใช่วิธีเลี้ยงลูกที่ดี
1. ก่อให้เกิดทัศนคติที่ก้าวร้าวรุนแรงมากขึ้น
เด็กที่ถูกลงโทษบ่อยๆ มักจะรู้สึกโกรธและไม่พอใจต่อผู้ที่ลงโทษ ซึ่งก็คือพ่อแม่ของตัวเอง ความรู้สึกนี้อาจแสดงออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมดื้อ เก็บกด หรือก้าวร้าว ซึ่งอาจนำไปสู่การลงโทษที่รุนแรงขึ้นจากพ่อแม่ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ยากจะหยุด
**ตัวอย่างที่ผิด:**
คุณแม่: “ทำไมทำแบบนี้! ไม่เคยสอนเลยหรือไง ถ้าทำแบบนี้อีกจะโดนตี!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
คุณแม่: “แม่เข้าใจว่าลูกอาจจะรู้สึกโกรธ แต่เราต้องหาวิธีจัดการความโกรธที่ไม่ทำร้ายคนอื่นนะ มาลองคุยกันดีกว่าว่าเราจะทำยังไงดี”
2. สร้างความชอบธรรมให้แก่การแก้ปัญหาด้วยกำลัง
การลงโทษเป็นการส่งสารโดยไม่ตั้งใจว่า การใช้กำลังหรือการบีบบังคับเป็นวิธีที่ยอมรับได้ในการแก้ปัญหา เด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้อาจมีแนวโน้มที่จะใช้วิธีเดียวกันในการแก้ปัญหาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ หรือแม้แต่กับลูกของตัวเองในอนาคต
**ตัวอย่างที่ผิด:**
คุณพ่อ: “ถ้าเพื่อนแกล้งลูก ก็ต้องตีมันกลับให้แรงๆ เลย จะได้เข็ด!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
คุณพ่อ: “ถ้าเพื่อนแกล้งลูก ให้บอกครูหรือผู้ใหญ่ที่ลูกไว้ใจนะ เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง”
3. ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกเกิดรอยร้าว
การลงโทษบ่อยๆ อาจทำให้เด็กรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ใช่ที่พึ่งที่ปลอดภัยอีกต่อไป เด็กอาจเริ่มปิดกั้นตัวเอง ไม่กล้าเปิดใจคุยกับพ่อแม่ และอาจนำไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์ในระยะยาว
**ตัวอย่างที่ผิด:**
คุณแม่: “ถ้าทำผิดอีก แม่จะไม่รักแล้วนะ!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
คุณแม่: “ถึงลูกจะทำผิด แม่ก็ยังรักลูกเสมอ แต่เรามาคุยกันดีกว่าว่าทำไมสิ่งที่ลูกทำถึงไม่เหมาะสม และเราจะแก้ไขยังไงดี”
4. แม้ถูกลงโทษ เด็กก็ไม่รู้สึกผิด
เด็กที่ถูกลงโทษบ่อยๆ อาจจะมุ่งความสนใจไปที่การหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ มากกว่าการเข้าใจว่าทำไมพฤติกรรมของตนถึงไม่เหมาะสม ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้และไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำของตนกับผลที่ตามมา
**ตัวอย่างที่ผิด:**
คุณพ่อ: “ถ้าทำแบบนี้อีก จะถูกตัดเงินค่าขนม!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
คุณพ่อ: “ลูกคิดว่าการกระทำแบบนี้ส่งผลกระทบต่อคนอื่นอย่างไรบ้าง? เรามาลองคิดด้วยกันนะว่าเราควรทำอย่างไรให้ดีกว่านี้”
หลุมพรางของรางวัลและการลงโทษ
แม้ว่าการให้รางวัลอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการลงโทษ แต่ทั้งสองวิธีนี้มีหลุมพรางที่คล้ายคลึงกัน:
1. ต้องทำต่อเนื่อง ทั้งการลงโทษและการให้รางวัลต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผล ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มความรุนแรงของการลงโทษหรือมูลค่าของรางวัลเรื่อย ๆ
**ตัวอย่างที่ผิด:**
คุณแม่: “ถ้าสอบได้เกรด A จะซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
คุณแม่: “แม่ภูมิใจมากที่ลูกตั้งใจเรียน ไม่ว่าผลสอบจะออกมาอย่างไร เราก็จะช่วยกันพัฒนาต่อไปนะ”
2. ทำให้เด็กยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เด็กอาจจดจ่ออยู่กับการหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษหรือการได้รับรางวัล มากกว่าการเข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมของตนที่มีต่อผู้อื่น
**ตัวอย่างที่ผิด:**
คุณพ่อ: “ถ้าช่วยงานบ้าน พ่อจะให้เงินพิเศษ”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
คุณพ่อ: “เวลาลูกช่วยงานบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมากเลย เพราะบ้านสะอาด และเรามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น”
วิธีตำหนิอย่างชาญฉลาด: 4 หลักการสำคัญ
แทนที่จะใช้การลงโทษ เราสามารถใช้วิธีตำหนิอย่างชาญฉลาดเพื่อสอนและปลูกฝังทักษะที่จำเป็นให้กับลูก โดยยึดหลัก 4 ข้อต่อไปนี้:
1. พยายามไม่ใช้คำว่า “ผิด” “ห้าม” หรือ “อย่า”
**ตัวอย่างที่ผิด:**
“อย่าวิ่งเล่นในบ้าน!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
“แม่เข้าใจว่าลูกอยากวิ่งเล่น แต่ในบ้านอาจจะอันตราย เรามาหาที่กว้างๆ ข้างนอกเล่นกันดีกว่านะ”
2. ใส่ใจเรื่องความพยายามหรือกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์
**ตัวอย่างที่ผิด:**
“ทำไมทำคะแนนได้แค่นี้ ไม่เก่งเลย”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
“แม่เห็นว่าลูกตั้งใจเรียนมากเลย ถึงคะแนนจะไม่ได้ตามที่หวัง แต่เราลองมาดูกันว่าจะปรับปรุงวิธีเรียนยังไงได้บ้างนะ”
3. อธิบายว่าทำไมพฤติกรรมนั้นๆ จึงไม่น่าพึงพอใจ
**ตัวอย่างที่ผิด:**
“เลิกส่งเสียงดังได้แล้ว น่ารำคาญ!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
“ตอนนี้น้องกำลังนอนอยู่ ถ้าเราเล่นเสียงดัง น้องอาจตื่นและร้องไห้งอแง ทำให้ทุกคนเหนื่อย เรามาหาของเล่นที่ไม่มีเสียงดังเล่นด้วยกันดีไหม”
4. สื่อความรู้สึกของพ่อแม่อย่างตรงไปตรงมา
**ตัวอย่างที่ผิด:**
“ทำไมชอบทำให้แม่โมโหนัก!”
**ตัวอย่างที่ถูก:**
“แม่รู้สึกกังวลเวลาเห็นลูกปีนป่ายที่สูงๆ เพราะกลัวลูกจะตกลงมาเจ็บตัว เราลองมาหาที่เล่นที่ปลอดภัย
เรียนรู้เพิ่มเติมถึงเคล็ดลับในการสื่อสารเชิงบวกด้วย การใช้คำพูดที่ช่วยให้บรรยากาศในบ้านดีขึ้น ที่นี่ https://happychild.thaihealth.or.th/?p=150513