
หนองบัวลำภูเมืองเล่นอิสระสร้างสุข: ตัวอย่างการขยายผลแนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน”
เมื่อความเจ็บปวดกลายเป็นแรงบันดาลใจสร้างการเปลี่ยนแปลง
วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จะเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาเด็กของประเทศไทย เมื่อจังหวัดหนองบัวลำภูได้ประกาศตนเป็น “เมืองเล่นอิสระสร้างสุข” จังหวัดแรกของประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความหวังและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้แก่เด็กไทย
แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จครั้งนี้ เริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์การดูแลเด็กไทย เมื่อปี 2565 เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง ได้ส่ายคลื่นความเศร้าโศกไปทั่วประเทศ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทุกคนตระหนักว่า เราต้องหาทางป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพจิตให้เด็กอย่างจริงจัง
การนำแนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” มาสู่การปฏิบัติ
ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมสุขภาพจิต และเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก ได้เข้าไปดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจของเด็กในพื้นที่ โดยนำแนวคิด “การเล่นอิสระ” มาเป็นเครื่องมือในการบำบัด การเยียวยา และการสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี
ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. เล่าว่า “การดำเนินงานส่งเสริมการเล่นอิสระในจังหวัดหนองบัวลำภู ได้เริ่มภายหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจของเด็ก ครอบครัว และผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับเด็กในพื้นที่”
สิ่งที่น่าประทับใจคือ ผลลัพธ์จากการใช้แนวคิดการเล่นอิสระในการเยียวยา พบว่าการเล่นอิสระสามารถฟื้นฟูความสุขของเด็กกว่าร้อยละ 80 และเด็กสามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างมีนัยสำคัญ ความสำเร็จนี้เองที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชุมชนในจังหวัดหนองบัวลำภูตระหนักถึงพลังของการเล่นอิสระ และร่วมกันขยายผลไปสู่ทุกพื้นที่ในจังหวัด
การปรับเปลี่ยนจากความคิดแบบเก่าสู่แนวคิดใหม่
แนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” ที่หนองบัวลำภูนำมาปรับใช้ ไม่ได้หมายความเพียงแค่การที่ผู้ใหญ่ทุกคนในชุมชนจะต้องช่วยกันดูแลเด็ก แต่หมายรวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
นางสาวประสพสุข โบราณมูล จากเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก อธิบายแนวคิดการเล่นอิสระว่า “การเล่นอิสระคือความสุขของเด็ก และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทุกมิติของเด็ก ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยการเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นตามความต้องการของตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ ปราศจากการชี้นำ ควบคุม หรือคาดหวังจากผู้ใหญ่”
สิ่งที่แตกต่างจากการเล่นแบบเดิมคือ ในการเล่นอิสระ เด็กเป็นผู้กำหนดวิธีการเล่นด้วยตนเองตามจินตนาการและความสนใจ โดยมีผู้ใหญ่ทำหน้าที่เฝ้าสังเกต ดูแลความปลอดภัย และคอยสนับสนุนอย่างเหมาะสม การปล่อยให้เด็กได้เล่นโดยไม่แทรกแซง จะช่วยให้เด็กรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย สมองตื่นตัว และพร้อมเปิดรับการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ
การขยายผลอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
ความสำเร็จของหนองบัวลำภูไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการวางแผนและการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเด็ก เยาวชน ครู คณะผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แกนนำชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผลการสำรวจพบว่า พื้นที่มีความต้องการที่อยากจะเรียนรู้และพัฒนาเด็กผ่านการเล่นอิสระ และมีเป้าหมายที่อยากใช้การเล่นอิสระสร้างความสุขให้เด็ก พัฒนาทักษะชีวิต และลดเวลาการใช้หน้าจอของเด็ก
ปรัชทิพา หวังร่วมกลาง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา (มยพ.) รายงานผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจว่า “การส่งเสริมการเล่นอิสระสร้างสุขในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู เริ่มที่อำเภอนากลาง และอำเภอเมือง และปัจจุบันครอบคลุม 6 อำเภอ ผลการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายถึงร้อยละ 99”
การสร้างกลไกการทำงานที่เข้มแข็ง
ความสำเร็จของหนองบัวลำภูเกิดจากการสร้างกลไกการทำงานที่เข้มแข็งและครอบคลุม ภายใต้การขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในนามเครือข่าย “Happy Play หนองบัวลำภู” โดยมีการพัฒนายกระดับพื้นที่ต้นแบบ พร้อมขยายผลการดำเนินงานให้พื้นที่นำร่องครอบคลุมทุกอำเภอของจังหวัด
ปัจจุบันมีพื้นที่ดำเนินงานทั้งสิ้น 60 พื้นที่ มีครูผู้อำนวยการเล่น หรือ Play worker โรงเรียนระดับประถมพื้นที่ต้นแบบและพื้นที่นำร่อง จำนวน 206 คน มีครู Play worker ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 166 คน เป็นกลไกสำคัญในการทำงานพัฒนาเด็กผ่านการเล่น โดยมีเด็กที่มีโอกาสเข้าถึงการเล่นอิสระ 15,000 คน
การมี Play worker หรือผู้อำนวยการเล่นในจำนวนมากนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการนำแนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” มาสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยผู้ใหญ่ทุกคนในชุมชนได้รับการพัฒนาศักยภาพให้สามารถส่งเสริมและสนับสนุนการเล่นอิสระของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน: เด็กยิ่งเล่น ยิ่งสนุก มีความสุขและฉลาด
ผลการประเมินการเปลี่ยนแปลงเด็กอายุ 2-12 ปีในพื้นที่ดำเนินงานแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่ชัดเจน โดยพบว่าเด็กมีความสุขเพิ่มขึ้น มีสมรรถนะผ่านการเล่นอิสระเพิ่มมากขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะด้านการจัดการอารมณ์ ยับยั้งชั่งใจ ควบคุมอารมณ์เมื่อโกรธ การให้อภัย ความมุ่งมั่น ความกล้าเผชิญกับความท้าทาย สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ การช่วยเหลือเกื้อกูล การแก้ไขปัญหา การจัดการ และการปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ จากกรณีศึกษาแบบมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พบว่า การเล่นอิสระช่วยให้เด็กลดเวลาการใช้มือถือ/หน้าจอได้จริงชัดเจน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเด็กในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ ผู้ปกครองมีความสุขเพิ่มขึ้น มีแนวทางในการพัฒนาลูกหลาน และกระบวนการเล่นอิสระทั้งในโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และชุมชน ส่งผลให้เกิดมิติความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้น มีความรักสามัคคีเกื้อกูลกันทุกวัย
การยกระดับสู่นโยบายระดับจังหวัด
ความสำเร็จของการขยายผลแนวคิดการเล่นอิสระในหนองบัวลำภู ได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ประกาศให้ “การเล่นอิสระ” เป็นเครื่องมือพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยและเด็กประถมศึกษาในทุกมิติ
การประกาศนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีแนวทางพัฒนาในการส่งเสริมสังคมสุขภาวะเพื่อคนทุกช่วงวัย ภายใต้แนวคิด “หนองบัวลำภู เปิดประตูความสุข… อย่างสร้างสรรค์” (5 สุข 5 สร้างสรรค์) โดยเฉพาะสุขที่ 2 การศึกษาในและนอกระบบ และสุขที่ 4 พื้นที่สุขใจสาธารณะ
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ: ก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน
เพื่อให้การขับเคลื่อนการเล่นอิสระเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จังหวัดหนองบัวลำภูได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 21 ฝ่าย ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2568
ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง สสส. มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา (มยพ.) มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) และเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก กับหน่วยงานในจังหวัดหนองบัวลำภูทุกระดับ
วัตถุประสงค์สำคัญ 3 ข้อของความร่วมมือ
1. การพัฒนาผู้อำนวยการเล่น (Playworker) เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาให้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการเล่นอิสระในรูปแบบที่หลากหลาย สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ทั้งในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน และชุมชน ตอบสนองต่อความต้องการของเด็กและครอบครัว
2. การรณรงค์และสื่อสารสาธารณะ เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้และเปิดโอกาสให้เด็กและครอบครัวเข้าถึงการเล่นอิสระอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดมหกรรมการเล่นอิสระในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หรือชุมชน
3. การขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อให้เกิดนโยบายที่ส่งเสริมการเล่นอิสระ เพื่อการพัฒนาเด็กในระดับองค์กร ทั้งด้านการศึกษา สุขภาพ พัฒนาสังคม ชุมชน และครอบครัวในระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน
บทเรียนสำคัญและแนวทางการขยายผล
ความสำเร็จของหนองบัวลำภูในการเป็น “เมืองเล่นอิสระสร้างสุข” จังหวัดแรกของประเทศไทย ให้บทเรียนสำคัญหลายประการที่สามารถนำไปขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ได้
การเริ่มต้นจากจุดเจ็บปวด ความสำเร็จของหนองบัวลำภูเริ่มต้นจากการเยียวยาเหตุการณ์ที่เจ็บปวด แต่ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการ
สร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วิกฤตสามารถกลายเป็นโอกาสได้ หากเรามีแนวทางและเครื่องมือที่เหมาะสม
การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ความสำเร็จนี้เกิดจากการที่ทุกภาคส่วนในจังหวัด ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และภาคประชาสังคม ร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเด็ก
การพัฒนากำลังคนอย่างเป็นระบบ การมี Play worker มากกว่า 370 คน ในพื้นที่ต่างๆ แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการพัฒนากำลังคนอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของความยั่งยืน
การติดตามและประเมินผล การมีระบบการติดตามและประเมินผลที่ชัดเจน ทำให้สามารถปรับปรุงและพัฒนางานได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้สนับสนุน
ความหมายต่อการพัฒนาเด็กไทยในอนาคต
ความสำเร็จของหนองบัวลำภูมีความหมายต่อการพัฒนาเด็กไทยในระดับชาติ เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า แนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” สามารถนำมาปรับใช้ในบริบทของสังคมไทยได้จริง และให้ผลลัพธ์ที่ดี
การที่เด็กในหนองบัวลำภูมีความสุขเพิ่มขึ้น มีทักษะชีวิตที่ดีขึ้น และลดเวลาการใช้หน้าจอได้ เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองและครูทั่วประเทศต้องการเห็นเกิดขึ้นกับเด็กของตน
นอกจากนี้ การที่ชุมชนมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น มีความรักสามัคคีเกื้อกูลกันทุกวัย ยังเป็นการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว
เส้นทางสู่ความเป็น “ประเทศเล่นอิสระสร้างสุข”
ด้วยความสำเร็จของหนองบัวลำภู ประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวสู่การเป็น “ประเทศเล่นอิสระสร้างสุข” ในอนาคต โดยการขยายผลแนวคิดและวิธีการที่ประสบความสำเร็จนี้ไปยังจังหวัดอื่นๆ
การที่มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 21 ฝ่าย และการกำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 2 ปี แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความจริงจังในการขับเคลื่อนงานนี้ต่อไป
ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้แนวคิดการเล่นอิสระเป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาเด็กและสร้างสังคมที่มีความสุข
เมื่อเด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสเล่นอิสระอย่างเหมาะสม มีความสุข มีทักษะชีวิตที่ดี และเติบโตในชุมชนที่เข้มแข็ง ประเทศไทยก็จะมีอนาคตที่สดใสและยั่งยืน ตามคำขวัญที่หนองบัวลำภูได้ยึดถือไว้ว่า “เด็กยิ่งเล่น ยิ่งสนุก มีความสุขและฉลาด”
บทความนี้เป็นการสรุปผลการดำเนินงานจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “หนองบัวลำภูเมืองเล่นอิสระสร้างสุข” เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการนำแนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” มาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน