
ครอบครัวยิ้ม จังหวัดกาฬสินธุ์ : ต้นแบบแนวทางการดูแลเด็กบนฐานชุมชนนำ
โครงการ “ครอบครัวยิ้ม” จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นตัวอย่างที่ดีของการดำเนินงานบนฐาน “ชุมชนนำ” ที่ประสบความสำเร็จ โดยใช้หลักการ “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน” ซึ่งไม่เพียงแต่แก้ปัญหาเด็กเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งและสามารถดูแลคุณภาพชีวิตของทุกคนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ความสำเร็จนี้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั้งในจังหวัดและทั่วประเทศต่อไป โดยมีสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เป็นผู้ให้การสนับสนุน
บทบาทของ สสส. ในการสนับสนุนชุมชน
- เป็นผู้สนับสนุนและให้กำลังใจ ไม่ใช่ผู้นำ
- อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของชุมชน
- ช่วยหาและเชื่อมโยงผู้นำธรรมชาติกับผู้นำระบบ
- สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น
- สร้างความเชื่อมั่นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
“เมื่อพบคนที่เป็นผู้นำธรรมชาติกับผู้นำที่เป็นระบบ แล้วเปิดพื้นที่ให้ได้มาพูดคุย กำหนดประเด็นปัญหา ด้วยการสนับสนุนของ สสส. ชุมชนก็จะเติบโตและเรียนรู้ไปพร้อมกัน”
บริบทและปัญหา
ลักษณะพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์
- เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีเด็กเยาวชนจำนวนมาก
- คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ต้องย้ายไปทำงานที่อื่น
- เด็กๆ ส่วนใหญ่อยู่กับปู่ย่าตายาย
ปัญหาหลัก
- การขาดแคลนการดูแลเด็กที่เหมาะสม
- ความต้องการกลไกในการติดตามคุณภาพชีวิตเด็ก
- การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานด้านเด็ก
แนวคิดหลัก: “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนใช้คนทั้งหมู่บ้าน”
หลักการพื้นฐาน
- เด็กทุกคนเป็นลูกของชุมชน
- ชุมชนสามารถจัดการปัญหาด้วยตัวเอง
- ส่วนกลางทำหน้าที่สนับสนุนและให้กำลังใจ
- เชื่อมั่นในศักยภาพของชุมชนในการหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
แนวทางการทำงาน
- ให้ชุมชนเข้มแข็งด้วยตนเอง
- สร้างความคิดเดียวกันในการพัฒนาชุมชน
- ไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะเด็ก แต่ครอบคลุมทุกมิติในชุมชน (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ฯลฯ)
กลไกการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์
1. โครงสร้างการทำงานแบบบูรณาการ
ลักษณะเฉพาะของกาฬสินธุ์
- เชิญตัวแทนแต่ละตำบลมาเป็นพนักงานจังหวัด
- ผสานกลไกตำบลกับหน่วยงานราชการ
- สร้างการสื่อสารที่รวดเร็วผ่านกลุ่มไลน์
ข้อดี
- สามารถรู้เรื่องปัญหาทุกเรื่องได้รวดเร็ว
- เจ้าหน้าที่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที
- การดูแลมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
2. ตลาดความรู้พร้อมใช้
โมเดลการทำงานใหม่
- ทุกชุมชนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้
- สร้างทีมชุมชนออกเยี่ยมตามบ้าน
- เก็บข้อมูลและให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็ก
- ประเมินคุณภาพการเลี้ยงดูและความขาดตกบกพร่อง
3. ลานเล่น (พื้นที่รวม)
วัตถุประสงค์
- สร้างพื้นที่สำหรับเด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง
- ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- จัดกิจกรรมร่วมกัน
แนวทางการพัฒนา
- ใช้ทุนที่มีอยู่ในชุมชน
- ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.
- พัฒนาตามบริบทของแต่ละชุมชน
“การส่งเสริมหรือสนับสนุนจาก สสส. มีส่วนสำคัญทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาการทำงานช่วยเหลือดูแลกันตามบริบทของชุมชน”
ผลลัพธ์และผลสำเร็จ
“ข้อดีของการที่ใช้ชุมชนนำเป็นการทำงานคือ ทุกอย่างตอบโจทย์ของบริบทชุมชน เพราะชุมชนรู้จักพลังของตัวเอง รู้จักทรัพยากร และนำมาบริหารช่วยแก้ไขปัญหา”
ผลต่อชุมชน
- ชุมชนมีความมั่นใจและกล้าหาญ
- เกิดผู้นำธรรมชาติในชุมชน
- การทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำธรรมชาติและผู้นำระบบ
- ชุมชนสามารถดูแลคุณภาพชีวิตของทุกคนได้
ผลต่อเด็กและครอบครัว
- เด็กได้รับการดูแลที่มีคุณภาพ
- ครอบครัวได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม
- มีกลไกการคุ้มครองและป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ผลต่อหน่วยงาน
- เกิดเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็ง
- การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างหน่วยงาน
- ความร่วมมือที่ดีระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม
ความท้าทายและแนวทางขยายผล
ความท้าทาย
- การทำให้หน่วยงานอื่นเชื่อและเห็นคุณค่าของแนวทางนี้
- การขยายผลภายใต้ทรัพยากรและบริบทที่แตกต่างกัน
- การสร้างความเข้าใจในแนวคิดใหม่
แนวทางขยายผล
3 ระดับการขยายผล
- ระดับพื้นที่ – ใช้ตำบลต้นแบบขยายไปยังชุมชนข้างเคียง
- ระดับหน่วยงาน – ใช้แนวคิดเดียวกันปรับกระบวนการทำงาน
- ระดับนโยบาย – ใช้นโยบายจากส่วนกลางสนับสนุน
ข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนร่วม
จากผู้ปฏิบัติงาน
- ได้สร้างเครือข่ายการทำงานที่หลากหลาย
- เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างองค์กร
- ได้ทำงานในระดับที่สูงขึ้นและมีความภาคภูมิใจ
จากชุมชน
- ผู้ปกครองสบายใจที่เด็กได้รับการดูแล
- เด็กได้รับการสนับสนุนในสิ่งที่ต้องการทำ
- ชุมชนมีกลไกการเฝ้าระวังที่ดี