ไอซ์แลนด์ลดจำนวนวัยรุ่นดื่มเหล้าสำเร็จด้วยเคอร์ฟิวและศูนย์เยาวชน
ภาพถ่ายวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2019 คาเรน กุทเทนเซน และอิงวาร์ อิงออล์ฟซัน (คนขวา) อายุ 14 ปี เดินอยู่นอกศูนย์เยาวชนทรอร์นอินในเรคยะวิค ประเทศไอซ์แลนด์ ในคืนฤดูร้อนที่สว่างไสว ประเทศที่เป็นเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือนี้ ได้สลายวัฒนธรรมการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ของวัยรุ่นโดยใช้ดนตรีและกีฬาในท้องถิ่นสำหรับนักเรียน ซึ่งประสบความสำเร็จมาก ทำให้วัยรุ่นไอซ์แลนด์มีอัตราการเสพสิ่งเสพติดต่ำเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป (AP Photo/Egill Bjarnason)
นาฬิกาตีบอกเวลา 22.00 น. ในคืนวันศุกร์ เมื่อ “สายตรวจผู้ปกครอง” เดินเข้าไปในสนามเด็กเล่นยอดนิยมแห่งหนึ่งชานเมืองเรคยะวิค เหล่าวัยรุ่นลดเสียงดนตรีลง และเอื้อมหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา ใกล้เวลาเคอร์ฟิวแล้ว
ทุกสุดสัปดาห์ พ่อแม่ผู้ปกครองทั่วเมืองหลวงของไอซ์แลนด์แห่งนี้จะออกตระเวนเดินตอนค่ำทั่วย่านที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นเวลาสองชั่วโมง เพื่อตรวจดูที่ชุมนุมของเด็กๆ
การเดินตรวจของผู้ปกครองเช่นนี้คือก้าวหนึ่งสู่ความสำเร็จของไอซ์แลนด์ที่พลิกวิกฤติเรื่องการดื่มเหล้าเบียร์ในวัยรุ่น โดยเน้นไปที่การมีส่วนร่วมในท้องถิ่น และส่งเสริมกิจกรรมทางเลือกด้านดนตรีและกีฬาสำหรับนักเรียน ประเทศเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือนี้ได้สลายวัฒนธรรมการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ในหมู่วัยรุ่น ตอนนี้วัยรุ่นไอซ์แลนด์มีอัตราการบริโภคยาเสพติดต่ำที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป
หลายประเทศเห็นถึงผลสำเร็จของโครงการฯ นี้ และนำไปปรับใช้ ศูนย์วิจัยสังคมแห่งไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นสถาบันที่บุกเบิกโครงการนี้มาตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา กล่าวว่าทางศูนย์กำลังให้คำแนะนำชุมชน 100 แห่งใน 23 ประเทศ ตั้งแต่ฟินแลนด์ถึงชิลี ในการลดการใช้สิ่งเสพติดของวัยรุ่น
“กุญแจสำคัญของความสำเร็จคือการสร้างชุมชนที่ดี เพื่อให้ได้พลเมืองที่ดี” อิงกา โดรา ซิกฟุสดอททีร์กล่าว เธอเป็นศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่ก่อตั้งโครงการ “เยาวชนแห่งไอซ์แลนด์” ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น เยาวชนโลก แล้ว
เคล็ดลับคือ หาอะไรให้วัยรุ่นทำเพื่อให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลา และผู้ปกครองมีส่วนร่วมโดยไม่ต้องพูดถึงเหล้ายามากนัก ซึ่งตรงข้ามกับโครงการต่อต้านยาเสพติดอื่นๆ ที่พยายามดึงวัยรุ่นให้ออกห่างด้วยการเทศนาสั่งสอนและโฆษณาน่าเกลียดน่ากลัว
ภาพถ่ายวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2019 ลินดา ฮิลมาร์สดอททีร์ โยเซฟ กุนนาร์สซัน, มาร์ทา ซิเกอร์ยอนส์ดอททีร์, ไฮดาร์ อัทลาซัน, เอลซ์บา ดาเนียลส์ดอทเทียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “สายตรวจผู้ปกครอง” ในย่านโคราร์ของเรคยะวิค การที่ผู้ปกครองออกตระเวนตรวจตามที่รวมตัวตามปกติของวัยรุ่นเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธของไอซ์แลนด์ในการพลิกวิกฤตการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ในวัยรุ่น และประสบความสำเร็จมากจนไอซ์แลนด์กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการใช้สารเสพติดต่ำสุดในยุโรป (AP Photo/Egill Bjarnason)
“การบอกวัยรุ่นว่าอย่าใช้ยาเสพติดอาจให้ผลตรงข้าม และกระตุ้นให้พวกเขาอยากรู้อยากลองแทน” ซิกฟุสดอททีร์บอก
ในปี 1999 มีวัยรุ่นหลายพันคนมารวมตัวกันใจกลางเมืองเรคยะวิคทุกสุดสัปดาห์ เมื่อทำการสำรวจ พบว่าเด็กวัย 16 ปีชาวไอซ์แลนด์ 56% ดื่มแอลกอฮอล์ และจำนวนพอๆ กันเคยลองสูบบุหรี่ หลายปีต่อมา ไอซ์แลนด์มีอัตราการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ต่ำสุดในจำนวน 35 ประเทศที่มีการสำรวจในโครงการสำรวจแอลกอฮอล์และยาเสพติดอื่นๆ ในโรงเรียนยุโรปปี 2015
โดยเฉลี่ย เด็กยุโรปวัย 16 ปี ร้อยละ 80 เคยลองดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง เปรียบเทียบกับจำนวนร้อยละ 35 ในไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่มากกว่าครึ่งของนักเรียนที่สำรวจนั้นไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลย ส่วนเดนมาร์ค ซึ่งเป็นประเทศร่ำรวยในกลุ่มนอร์ดิคอีกประเทศ มีอัตราการดื่มในวัยรุ่นสูงสุด ในระดับเดียวกับกรีซ ฮังการี และสาธารณรัฐเชค ซึ่งนักเรียนร้อยละ 92 ถึงร้อยละ 96 เคยดื่มสุรา
ในสหรัฐฯ การดื่มในวัยรุ่นเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบมาก เพราะวัยรุ่นสหรัฐฯ จำนวนมากขับรถ และไม่สามารถเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะที่ดีได้เหมือนวัยรุ่นในยุโรป ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ รายงานว่าแม้การดื่มในหมู่นักเรียนไฮสคูลสหรัฐลดลงอย่างมากใน 20 ปีที่ผ่านมา จนเหลือร้อยละ 32.8 ในปี 2015 แต่นักเรียนไฮสคูลสหรัฐถึงร้อยละ 17.7 ก็ยังคงดื่มหนักอย่างน้อยเดือนละครั้ง ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ ยังรายงานด้วยว่าการดื่มเหล้ามากเกินเป็นสาเหตุของการตายปีละประมาณ 4,300 รายในหมู่ประชากรอายุต่ำกว่า 21 ในสหรัฐฯ
ผู้ว่าราชการเมืองเรคยะวิค ดากูร์ บี. เอกเกิร์ทซัน กล่าวว่าแผนของไอซ์แลนด์นั้น “เป็นเรื่องของการที่สังคมให้ทางเลือกที่ดีกว่าการเสพยาแก่เด็กวัยรุ่น” เขาเชื่อว่าโอกาสที่หลากหลายทำให้เด็กๆ ติดพันและมีแรงบันดาลใจ ได้เปลี่ยนวัฒนธรรมวัยรุ่นของประเทศไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ทางเลือกที่ดีกว่าต้องใช้เงิน องค์การบริหารท้องถิ่นอย่างเรคยะวิคลงทุนสร้างโรงกีฬา โรงเรียนดนตรี และศูนย์เยาวชน และเพื่อให้โครงการนี้เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผู้ปกครองจะได้รับคูปองมูลค่าปีละ 500 เหรียญเพื่อใช้ในโครงการกีฬาหรือดนตรีสำหรับเด็กๆ
เอกเกิร์ทซันจำได้ว่า สมัยวัยรุ่นเขาจะจับรถเมล์เข้าเมืองในคืนสุดสัปดาห์เพื่อเตร่ไปตามท้องถนนของเรคยะวิค “โดยไม่ได้คิดจะไปที่ไหนจริงๆ”
“ผมจำได้ว่าเคยดูเพื่อนคนหนึ่งอาเจียนหลังสถานีตำรวจ และช่วยเพื่อนอีกคนขึ้นจากน้ำหลังตกลงไปในอ่าว” พ่อลูกสี่วัย 46 ปีบอกกับเอพี “สิ่งที่สังคมยอมรับได้ในตอนนั้นกลายเป็นพาดหัวข่าวร้อนแรงในวันนี้”
ข่าวเกี่ยวกับวัยรุ่นในวันนี้มีน้ำเสียงแตกต่างออกไป ความวิตกกังวลและอาการของโรคซึมเศร้าสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะในหมู่เด็กหญิง ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา บุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาแทนการสูบบุหรี่ โดยที่เด็กไอซ์แลนด์วัย 16 ปีถึงร้อยละ 40 เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า
นักวิจัยกล่าวว่าต้นแบบการป้องกันของ เยาวชนโลก มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพราะใช้ข้อมูลจากการสำรวจประจำปีเพื่อตรวจสอบแนวโน้มและวัดประสิทธิภาพของนโยบาย
กลุ่มผู้ปกครองที่ลาดตระเวนย่านโคราร์ ประกอบด้วยทนายความ ตัวแทนโฆษณา นักการทูต ฯลฯ ต่างพากันเดินตรวจตราตามที่จอดรถว่างเปล่าและตามแหล่งชุมนุมของวัยรุ่น
ภาพถ่ายวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2019 วัยรุ่นอายุ 17 ปีลงมาจะมารวมตัวกันที่ศูนย์เยาวชนทรอร์นอินในเรคยะวิค ไอซ์แลนด์สลายวัฒนธรรมการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ของวัยรุ่นโดยเน้นไปที่การมีทางเลือกด้านดนตรีและกีฬาในท้องถิ่นให้นักเรียนเข้าร่วม ซึ่งประสบความสำเร็จมากจนมีอัตราการใช้สารเสพติดต่ำเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป (AP Photo/Egill Bjarnason)
ตามกฎหมายที่เสนอร่วมกันของชุมชน เมื่อตำรวจไอซ์แลนด์ต้องรับมือกับการชุมนุมในท้องถนนเพราะความเมาเป็นประจำนั้น เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่นอกบ้านหลังสองทุ่มโดยไม่มีผู้ปกครอง ส่วนเด็กอายุ 13 ถึง 16 ปีอยู่ได้ไม่เกินสี่ทุ่ม ในฤดูร้อนที่โรงเรียนปิดเทอม ช่วงเคอร์ฟิวนี้จะขยายออกไปอีกสองชั่วโมง
“ถ้าพวกเด็กๆ อยู่ข้างนอกในเวลาที่ดึกเกินไป เราก็จะคุยกันดีๆ แล้วเด็กๆ ก็จะพากันกลับเข้าบ้าน” ไฮดาร์ อัทลาซัน สมาชิกเก่าแก่ของสายตรวจผู้ปกครองกล่าว
ผู้ปกครองคนหนึ่งยอมรับว่า ในช่วงฤดูหนาวอันทารุณของไอซ์แลนด์ บางครั้งค่ำคืนก็ผ่านไปโดยไม่เจอนักเรียนสักคน วัยรุ่นสมัยใหม่จะเจอกันออนไลน์มากกว่านอกบ้าน
แผนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้บริหารคือ นายกเทศมนตรีเมือง กับผู้ปกครอง ในโครงการฯ นี้ซึ่งส่งผลให้อัตราการดื่มลดลงในวัยรุ่นไอซ์แลนด์ คือ
- แก้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีซื้อบุหรี่ และห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ห้ามการโฆษณาบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกฎหมายให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ปกครองกับทุกโรงเรียนผ่านองค์กรที่ทำงานกับพ่อแม่ พร้อมกับการจัดตั้งสภาโรงเรียนโดยมีพ่อแม่ร่วมเป็นตัวแทน
- สนับสนุนให้พ่อแม่พูดคุยกับลูกโดยใช้เวลา “อย่างมีคุณภาพ” ทำความรู้จักกับเพื่อนของลูก และการดูแลให้เด็กๆ อยู่บ้านในตอนดึก โดยผ่านกฎหมายห้ามเด็กอายุระหว่าง 13 -16 ปี ออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มในฤดูหนาว และห้ามออกจากบ้านหลังเที่ยงคืนในช่วงฤดูร้อน ซึ่งกฎหมายนี้ยังมีผลบังคับใช้มาถึงปัจจุบัน
- องค์กรที่ทำงานกับผู้ปกครอง ซึ่งอยู่ใต้ร่มคณะกรรมการระดับชาติ เสนอให้ทั้งโรงเรียนและบ้านร่วมกันทำข้อตกลง โดยเนื้อหาในการเซนต์ข้อตกลงจะแตกต่างไปตามอายุกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งองค์กรแต่ละแห่งมีอิสระเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมเซนต์หรือไม่ เช่น สำหรับบ้านที่มีเด็กอายุ 13 ขึ้นไป พ่อแม่จะทำตามคำแนะนำทั้งหมดที่องค์กรมีให้ ซึ่งรวมถึงการไม่ให้เด็กจัดปาร์ตี้สังสรรค์กันเองโดยไม่มีพ่อแม่ดูแล ไม่ให้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับคนที่อายุน้อย และการดูแลให้เด็กๆ มีสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดี
- รัฐให้ทุนสนับสนุนองค์กรต่างๆ ที่ทำงานด้านกีฬา ศิลปะ ดนตรี และชมรมต่างๆ เพื่อให้เด็กๆ มีทางเลือกมากมายในการทำกิจกรรมตามความสนใจ แทนที่จะใช้เวลาไปกับเครื่องดื่มและการสูบบุหรี่ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ สำหรับเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ก็สามารถเข้าร่วมได้ โดยได้รับบัตรครอบครัวต่อปี เพื่อให้เด็กใช้ทำกิจกรรมต่างๆ
ข้อมูลประกอบการเขียน
1. https://medicalxpress.com/ Iceland cuts teen drinking with curfews, youthcenters
2.ไอซ์แลนด์แก้ปัญหาวัยรุ่นติดเหล้าและยาสำเร็จใน 20 ปี: ตัวอย่างการสร้างสภาพแวดล้อม