
ออกแบบกิจกรรม สร้างสรรค์สังคม ด้วยกลไกสภาเด็กและเยาวชน
หนึ่งในคำถามที่ได้ยินบ่อยจากเยาวชนทุกวันนี้คือ เด็กและเยาวชนสามารถมีส่วนทำให้ชุมชนรอบตัวดีขึ้นได้อย่างไร?
ในสังคมประชาธิปไตย เราใช้วิธีการออกเสียงเลือกตั้งเพื่อหาตัวแทนเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา และพัฒนาชุมชนในพื้นที่ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดว่าผู้ที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสในการพัฒนาชุมชนของตัวเองไปพร้อมกับผู้ใหญ่
คำถามนี้จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งสภาเด็กและเยาวชนระดับตำบล เพื่อเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงเด็กและเยาวชนในแต่ละพื้นที่ ในการแลกเปลี่ยนความรู้ เผยแพร่ด้านวิชาการ การศึกษา กีฬา และวัฒนธรรม รวมถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนร่วมกับผู้ใหญ่ ผ่านการทำกิจกรรมและนำเสนอโครงงานสร้างสรรค์ต่างๆ
ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีตัวอย่างกิจกรรมมากมายที่สะท้อนถึงพลังของเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาขับเคลื่อนสังคมในแบบของพวกเขาเอง หนึ่งในนั้น คือ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้การจัดทำบ่อธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด โดยเด็กและเยาวชนตำบลเก่าขาม ของสภาเด็กและเยาวชนตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืนจังหวัดอุบลราชธานี
เก่าขามโมเดล เปิดทางให้เยาวชนร่วมสร้างศูนย์การเรียนรู้
“หนูเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว พอได้มีโอกาสเข้ามาเป็น สมาชิกสภาเด็กและเยาวชนตำบลเก่าขาม ก็ได้เรียนรู้เพิ่มจากการร่วมเวทีฝึกอบรมต่าง ๆ ทำให้อยากเอาประสบการณ์ที่ได้นี้มาพัฒนาพื้นที่ในชุมชน เลยรวมตัวกับเพื่อนๆ เสนอโครงการนี้ขึ้นมา”
น้องมด-จิราพร เวชกุล ประธานสภาเด็กและเยาวชนตำบลเก่าขาม ได้เล่าให้ฟังว่า เธอได้เข้ามาเป็นสภาเด็กฯ จากการชักชวนของผู้ใหญ่ในชุมชน ซึ่งต่อมาเธอเองได้ขึ้นมาเป็นแกนนำในการชวนเพื่อนๆ และรุ่นน้องคนอื่นๆ ให้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมด้วยกัน ทำให้ปัจจุบันสภาเด็กฯ ตำบลเก่าขามมีสมาชิกเพิ่มขึ้นรวมแล้วมากกว่า 60 คน รวมตัวกันทำโครงการเกี่ยวกับบ่อธนาคารน้ำใต้ดิน เพราะความสำนึกรักชุมชน อยากให้ชุมชนของตัวเองเป็นต้นแบบในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และเห็นว่ากิจกรรมนี้ยังไม่มีกลุ่มเด็กและเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมเลย
“ที่ชุมชนเรามีศูนย์การเรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดินต้นแบบ ซึ่งมีคณะศึกษาจากทั่วประเทศมาดูงาน พวกเราเลยคิดว่าเด็กและเยาวชนในเขตตำบลเก่าขาม จะต้องรู้จักธนาคารน้ำใต้ดินว่าคืออะไร มีวิธีการ และขั้นตอนการทำอย่างไรด้วย จึงได้ช่วยกันเสนอโครงการบ่อธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด เพื่อให้เด็กและเยาวชนของเราเองได้เข้าใจแล้วช่วยประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องนี้ได้”
น้องมด-จิราพร เวชกุล
ประธานสภาเด็กและเยาวชนตำบลเก่าขาม
การทำงานและกิจกรรมของสภาเด็กฯ เก่าขาม ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในชุมชนเป็นอย่างดี ตั้งแต่องค์การบริหารส่วนตำบลเก่าขาม ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องสถานที่ โรงเรียนต่างๆ ที่ส่งเสริมและสนับสนุนเด็กนักเรียนของตัวเอง ไปจนถึง บริษัท เอสไอแอลซี จำกัด ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็กเยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำการทำงานกับสภาเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด
(ชมผลงานของกลุ่มในรูปวิดีโอได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=Ma5NGdDDGOE)
นอกจากความสำเร็จของการเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการบ่อธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิดแล้ว สภาเด็กฯ เก่าขามยังโดดเด่นเรื่องการเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนระดับท้องถิ่น ที่ช่วยสร้างการเรียนรู้และแก้ไขปัญหาการขาดช่วงการทำงานของเด็กและเยาวชนในแต่ละรุ่น โดยพวกเธอใช้การทำงานแบบ ‘ข้าวต้มมัด ไม้ผลัด บัดดี้’ เพื่อสานต่อการทำงานของสภาเด็กฯ ให้ยั่งยืน
โดยแบ่งเด็กตามประสบการณ์ในการทำกิจกรรมออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเก่า กลุ่มกลาง กลุ่มใหม่ ตัวอย่างเช่น น้องมดถือเป็นกลุ่มเก่าก็จะเป็นพี่เลี้ยงดูแลสมาชิกที่เพิ่งมาใหม่ 3-4 คน ให้เรียนรู้การทำงานของสภาเด็กฯ เพื่อเป็นการสร้างแกนนำเยาวชน 3 รุ่น ที่จะส่งต่อการทำงานไปยังเด็กรุ่นต่อไป
“ตอนแรกเราใช้วิธีส่งใบสมัครไปตามโรงเรียน ต่อมาก็เดินไปเคาะประตูชวนมาทำงานด้วยกัน แล้วสอนงานกันแบบบัดดี้ เพื่อให้ทุกคนทำงานเป็น จนตอนนี้ สภาเด็กฯ ของเรากลายเป็น node ของอำเภอ คอยเป็นโค้ชให้คำปรึกษาแนะนำกับสภาเด็กฯ ตำบลอื่นๆ ในเรื่องการทำงาน การเข้าหาสมาชิก วิธีการเขียนโครงการ และการทำกิจกรรมต่างๆ”
ความท้าทายของการทำงานในรูปแบบสภาเด็กฯ ในมุมมองของน้องมด คือการบริหารเวลาระหว่างการทำกิจกรรมและการเรียน รวมถึงการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองคนอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร แต่หลังจากโรงเรียนเปิดให้นักเรียนได้ไปทำกิจกรรมของสภาเด็กฯ ได้ รวมถึงมีการสื่อสารงานของสภาเด็กฯ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ช่วยให้ผู้ปกครองได้รับทราบถึงการทำงานของพวกเธออยู่ตลอดเวลา
น้องมดยังบอกอีกว่าการทำสภาเด็กฯ ช่วยให้พวกเธอมีความภูมิใจ ที่ได้พัฒนาศักยภาพตัวเองทั้งเรื่องความคิดและประสบการณ์ ไปจนถึงได้ร่วมทำงานกับผู้ใหญ่ที่เห็นความสำคัญและให้โอกาสรับฟังความคิดเห็นของเด็กและเยาวชน เพื่อช่วยกันพัฒนาชุมชนของพวกเธอให้ดียิ่งขึ้น
ด้วยรูปแบบ ‘ข้าวต้มมัด ไม้ผลัด บัดดี้’ ที่เธอได้เป็นพี่เลี้ยงทำงานเคียงข้างน้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงความสำนึกรักบ้านเกิด ทำให้น้องมดซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตั้งใจที่จะเรียนต่อในตัวจังหวัด เพื่อที่จะได้ทำงานเป็นสภาเด็กและเยาวชนระดับจังหวัด แล้วมีโอกาสกลับมาให้ความช่วยเหลือน้องๆ ในชุมชนได้
“หนูตั้งใจจะเรียนต่อที่จังหวัด เพราะอยากให้น้องๆ ช่วยกันทำสภาเด็กฯ ต่อไปเรื่อยๆ หลังจากเรียนจบแล้วหนูอาจจะกลับมาเป็นพี่เลี้ยงชวนให้น้อง ๆ มาช่วยกันพัฒนาบ้านของเราต่อไปก็ได้”
เราคิดรูปแบบการหาสมาชิกเด็กมาทำงานด้วยกันในชื่อ ‘ข้าวต้มมัด ไม้ผลัด บัดดี้‘ โดยใช้วิธีส่งใบสมัครไปที่โรงเรียน เดินเคาะประตูบ้าน แล้วสอนงานกันแบบจับคู่ จนตอนนี้ สภาเด็กฯ ของเรากลายเป็น NODE ของอำเภอแล้ว
จิราพร เวชกุล
ประธานสภาเด็กและเยาวชนตำบลเก่าขาม
อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
แว้นไปหาเรื่อง (ดี) ของเด็กที่รักการซิ่ง
น้องเนส-นรบดี มาลาวงค์ และน้องเปรี้ยว-ปิยะกุล บุญวัง สองแกนนำของ สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลตำบลกุดข้าวปุ้น อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี ก็คิดไม่ต่างจากน้องมด แม้อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ทั้งสองตำบลห่างไกลกันกว่า 200 กิโลมตร ด้วยความคิดที่ต้องการมีส่วนร่วมกับชุมชน น้องเนสจึงได้เริ่มโครงการ ‘ศูนย์ประสานงานสภาเด็กฯ เล็กๆ แต่ดี’ โดยใช้ทักษะและความชอบที่ตัวเองถนัดในการเป็นผู้นำเพื่อเปลี่ยนแปลงชุมชน
“ก่อนหน้านี้พวกเราก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ ช่วยงานพ่อแม่อยู่ที่บ้าน ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้าง แล้วก็มี รุ่นพี่ชวนมาทำสภาเด็กฯ เราเลยเอาความชอบเรื่องการแต่งรถสวยงาม และทักษะการขับขี่มอเตอร์ไซค์มาเป็นจุดเริ่มต้นในการทำโครงการ”
จากวันแรกที่ก้าวเข้ามาทำงานในสภาเด็กฯ น้องเนสและน้องเปรี้ยว ที่เดิมเป็นหัวหน้ากลุ่มเด็กๆ ในชุมชนในการแต่งรถและแว้นมอเตอร์ไซค์ ได้ใช้ความเป็นผู้นำและทักษะที่มีทำกิจกรรมที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 180 กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น การแว้นไปหาเรื่อง (ดี), การรวมกลุ่มไปทำกิจกรรมจิตอาสาเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง การกวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด, การเข้าอบรมเรื่องกฎจราจร การขับขี่ปลอดภัย ไม่เสียงดัง ไม่อันตราย และการดูแลรักษาสภาพรถมอเตอร์ไซค์ ให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่
“ก่อนหน้าก็ไม่เคยคิดว่าที่เรามาทำสภาเด็กฯ จะได้อะไร พอมาทำถึงได้รู้ว่ากิจกรรมต่างๆ เป็นกิจกรรมที่ดีมาก ฝึกความเป็นผู้นำให้เรากล้าแสดงออก ได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะเป็นการที่เราชวนเพื่อนมาทำโครงการ แว้นไปหาเรื่องดี ด้วยการขับมอเตอร์ไซค์ออกไปช่วยเหลือสังคม อย่างเช่น การทำความสะอาดวัด เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ชวนน้องไปอบรมจราจรร่วมกับตำรวจ หรือแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือช่วงโควิด” จึงเกิดเป็น กิจกรรมแว้นไปหาเรื่อง (ดี) ที่ช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์เชิงลบของเด็กและเยาวชนที่รักการขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งในสายต่อผู้ใหญ่มักมองว่าเด็กแว้นสร้างปัญหาความเดือนร้อน หลังจากมาเข้าร่วมกิจกรรม ก็ทำให้ผู้ใหญ่เห็นว่าเด็กสร้างประโยชน์ไม่ใช่ปัญหา แล้วมีส่วนช่วยเหลือสังคมเหมือนกัน
น้องเนส-นรบดี มาลาวงค์ และ น้องเปรี้ยว-ปิยะกุล บุญวัง
สองแกนนำของสภาเด็กและเยาวชนเทศบาลตำบลกุดข้าวปุ้น
ปัจจุบัน สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลตำบลกุดข้าวปุ้น มีทีมงานประมาณ 21 คน เป็นเด็กและเยาวชนตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งพวกเขาใช้การพูดคุยติดต่อกันผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยมีผู้ใหญ่ในชุมชนทั้งพี่เลี้ยงจากบริษัท เอสไอแอลซี จำกัด ประธานชุมชน เทศบาลตำบลกุดข้าวปุ้น โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น ไปจนถึงสถานีตำรวจภูธรกุดข้าวปุ้น คอยให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
น้องเปรี้ยวเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่าไม่ได้อยากมาทำสภาเด็กฯ แต่เข้ามาทำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องความท้าทาย ซึ่งภายหลังพอได้เสียงตอบรับที่ดีจากคำชมของผู้ใหญ่ว่ากิจกรรมที่ทำเป็นประโยชน์ไม่สร้างความเดือดร้อน แล้วยังได้เป็นตัวอย่างให้กับน้องๆ ที่มาร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เธอรู้สึกดี ซึ่งน้องเนสในฐานะประธานสภาเด็กและเยาวชนเทศบาลตำบลกุดข้าวปุ้น ได้เสริมอีกว่า
“ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ได้ทำงานเพื่อส่วนรวม ถึงแม้สิ่งที่เราได้ทำอาจไม่ยิ่งใหญ่ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับความสุข จากการได้ทำกิจรรมจิตอาสาร่วมกับผู้อื่น ได้ฝึกความเป็นผู้นำการกล้าแสดงออก รวมถึงได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้คนที่เราไปทำกิจกรรมด้วย เราก็พลอยมีความสุขไปด้วย”
แม้โครงการของสภาเด็กและเยาวชนในสองพื้นที่จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ก็เป็นภาพต่อที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวคิดในการทำกิจกรรมที่เยาวชนจากสภาเด็กและเยาวชนทั้งสองชุมชนมีเหมือนกันคือ ความสำนึกรักชุมชน ความคิดสร้างสรรค์ในการทำโครงการ และการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
โครงการของพวกเขาอาจถือว่าเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ ของเด็กและเยาวชนที่เข้ามาร่วมเดินทางไปพร้อมกับผู้ใหญ่ บนเส้นทางการแก้ไขปัญหา และพัฒนาชุมชนในพื้นที่ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะขยายผลต่อยอดในการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนรุ่นต่อ ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเกิดเป็นคลื่นพลังของคนรุ่นใหม่ที่จะขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนของพวกเขาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างยั่งยืน
พวกเราเลือกเอาความชอบเรื่องการแต่งรถสวยงาม และทักษะการขับขี่มอเตอร์ไซค์มาเป็นจุดเริ่มต้น
ในการทำโครงการชื่อว่า กิจกรรมแว้นไปหาเรื่อง (ดี) ทำให้ภาพของเด็กแว้น ในสายตาผู้ใหญ่ในชุมชนที่มองเราเปลี่ยนไปเป็นเรื่องดี
นรบดี มาลาวงค์
สมาชิกสภาเด็กและเยาวชนเทศบาลตำบลกุดข้าวปุ้น
อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี