12 สาเหตุที่ก่อความเครียดเรื้อรังให้เด็กและวัยรุ่น

ธรรมชาติของความเครียดมีหลายระดับ วัดจากความหนักหนาและระยะเวลาของเหตุการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่ก่อความเครียด ทั้งนี้ความเครียดสามารถเกิดขึ้นและหายไปในไม่กี่นาที หรือต่อเนื่องนานหลายเดือนหรือหลายปีได้

ผู้เชี่ยวชาญได้แยกแยะความเครียดโดยพิจารณาจากความรุนแรง ระยะเวลา และการสนับสนุน (รับแรงปะทะ) รวมถึงการตอบสนองของเด็กแต่ละคน และแบ่งความเครียดเป็นสามประเภท ได้แก่ ความเครียดเชิงบวก ความเครียดที่รับได้ และความเครียดเป็นพิษ

ความเครียดเชิงบวก

ความเครียดเชิงบวกเป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการที่ดีของเด็ก ช่วยหล่อเลี้ยงการเติบโตทางอารมณ์ ความมั่นใจในตัวเอง และวุฒิภาวะ และมักจะเป็นแรงจูงใจที่จำเป็น เมื่อต้องรับมือกับภาระทางบ้าน โรงเรียน และครอบครัว

| ตัวอย่างของความเครียดเชิงบวก

  • วันแรกที่เด็กต้องอยู่ในความดูแลของคนอื่น
  • ผู้เล่นมือใหม่ก้าวออกไปตีลูก
  • การรอเข้ารับการฉีดวัคซีน

ความเครียดที่รับได้

ความเครียดที่รับได้มักมีลักษณะที่หนักหนาและยาวนาน แต่ไม่ได้ยาวนานเกินไป และมาพร้อมกับความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ที่ช่วยสนับสนุน จากนั้น เด็กก็จะสามารถปรับตัวและหายเครียดได้  บางกรณี อาจนำไปสู่ความตระหนักรู้ตนเองที่มากขึ้น ความมั่นใจในตัวเอง เมื่อเด็กได้พบความสามารถของตน

| ตัวอย่างของความเครียดที่รับได้

  • ความตายของผู้เป็นที่รัก
  • การบาดเจ็บทางกายที่น่ากลัว
  • ภัยธรรมชาติ

ความเครียดเป็นพิษ

ความเครียดเป็นพิษเกิดขึ้นเมื่อเด็กพบกับความยากลำบากที่เฉียบพลัน ยาวนาน หรือบ่อยๆ เช่น การถูกทำร้าย ถูกกระทำความรุนแรง หรือมีแนวโน้มว่าจะโดนทำร้าย ศูนย์ฮาร์เวิร์ดเพื่อพัฒนาการเด็กกล่าวว่า “การกระตุ้นระบบตอบสนองความเครียดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานแบบนี้ สามารถขัดขวางพัฒนาการของโครงสร้างสมองและระบบอวัยวะอื่น ๆ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับความเครียด และความเสียหายด้านความคิดความรู้ ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้

| ตัวอย่างความเครียดเป็นพิษ

  • การทำร้ายทางร่างกายหรืออารมณ์
  • การปล่อยปละละเลยเป็นประจำ
  • ผู้ดูแลใช้ยาเสพติดหรือเป็นโรคทางจิตเวช
  • การพบกับความรุนแรง
  • ความยากจนหรือความยากลำบากในครอบครัวอย่างหนัก

นี่คือตัวอย่างสิ่งก่อความเครียดให้เด็กและวัยรุ่นที่พบได้มากที่สุด แต่อาจมีมากกว่านี้ก็ได้

1.ปัญหาด้านการเรียน

  • ถ้าลูกของคุณมีปัญหาด้านการเรียนมากกว่าเด็กทั่วไป คุณก็จะคาดอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะเป็นตัวก่อความเครียดที่สำคัญ คุณรับมือปัญหานี้ตั้งแต่อนุบาล คุณและลูกไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คะแนนยอดเยี่ยม แต่เด็กก็ต้องพยายามเต็มที่ ปัญหาทางการเรียนแบบนี้อาจเป็นความเครียดที่รับได้
  • แต่ถ้าหากลูกของคุณทำคะแนนได้ดีมาตลอด สิ่งสุดท้ายที่ลูกและคุณคาดหวังก็คือการได้เกรด D หรือ F ถ้าเป็นวิชาที่เด็กชอบ ความเครียดนี้ก็จะยิ่งอันตราย กลายเป็นความเครียดเป็นพิษ เป็นไปได้มากว่าเด็กจะมีปฏิกริยาต่อต้านรุนแรงในรูปความวิตกกังวล และความมั่นใจในตัวเองก็จะถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก

2.มองภาพลักษณ์ตัวเองในทางลบ

  • การมองภาพลักษณ์ตัวเองไม่ได้เป็นปัญหาแค่กับเด็กผู้หญิง แต่เด็กผู้ชายก็ปรารถนาเรือนร่างสมบูรณ์แบบ และเป็นที่รักของทุกคน เด็กส่วนใหญ่ตระหนักดีว่านี่เป็นความคาดหวังที่ไม่มีทางเป็นจริง พวกเขาได้เรียนรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ตรงไหนในช่วง 1 ถึง 10 ของระดับความดึงดูดใจ ความสามารถด้านกีฬาและสมอง นี่อาจเป็นตัวสร้างความเครียดในทางบวกได้ เพราะช่วยเตือนให้เด็กๆ อาบน้ำ แต่งตัวถูกกาลเทศะ และเรียนรู้จะไม่ตัดสินผู้อื่นรุนแรงเกินไป
  • หลายครั้งภาพลักษณ์ของตัวเองเชิงลบทำให้เด็กๆ รู้สึกต่ำต้อยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหน้ากระจกหรือมองสิ่งที่สะท้อนในตาคนอื่น ความรู้สึกเชิงลบนี้ทำให้ความมั่นใจในตนเองลดลง แน่นอนว่าความรู้สึกเชิงลบนี้ทำให้เกิดความเครียดเป็นพิษอย่างแน่นอน

3.ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย

เด็กทุกคนย่อมกลายเป็นผู้ใหญ่  ตอนขึ้นประถมปลาย พวกเขามักจะดูเหมือนเด็ก ความแตกต่างระหว่างเด็ก ป.ห้า กับ ป.หก มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่ในที่สุด เด็กชายก็จะกลายเป็นชายหนุ่ม และเด็กหญิงกลายเป็นหญิงสาว

ความลำบากของเด็กหญิงนั้นเป็นเอกลักษณ์ หน้าอกจะโตขึ้น ซึ่งอาจทำให้เด็กที่รับมือความวิตกกังวลลำบากมีความเครียดเป็นอย่างยิ่ง บางคนจึงพยายามซ่อนเรื่องนั้นด้วยการสวมเสื้อผ้าหลวมๆ หรือแม้แต่พยายามรัดอก

ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น เด็กหญิงจะเริ่มมีประจำเดือน ซึ่งการมีประจำเดือนครั้งแรกเป็นเรื่องเครียดอย่างยิ่ง เด็กหญิงจะเครียดเพราะความคิดว่ามันจะเริ่มเมื่อไหร่ ทำไมถึงเริ่มเร็วนัก มันจะไม่เริ่มเลยหรือ มีเพียงคำถามเดียวที่ซ่อนอยู่ในนั้น คือฉันปกติหรือเปล่า เด็กชายก็มีความเปลี่ยนแปลงที่ต้องรับมือเช่นกัน เสียงเปลี่ยน ขนขึ้น กล้ามเนื้อพัฒนาขึ้น และฝันเปียก ความไม่มั่นใจก็เกิดจากคำถามเดียวกัน คือเร็วเกินไปหรือเปล่า ช้าไปไหม แบบนี้ถูกหรือเปล่า  

4.สิ่งแวดล้อมไม่ปลอดภัย

วัยรุ่นบางคนอาศัยอยู่ในบ้านหรือย่านที่ไม่ปกติและไม่ปลอดภัย เหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์เราต้องการความปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมทางกาย เพศ และอารมณ์ อะไรก็ตามที่พรากสิ่งนั้นไปเป็นความเครียดเป็นพิษอย่างแน่นอน

5.ปัญหาครอบครัว

คู่รักทุกคู่ต้องมีเรื่องโต้เถียงกันบ้าง นี่อาจเป็นประสบการณ์ทางบวกสำหรับเด็กถ้าการโต้เถียงนั้นยุติธรรมและดำเนินไปอย่างใจเย็น การทำเช่นนี้สอนให้เด็กรู้ว่าคนเราสามารถเห็นไม่ตรงกันอย่างมาก แม้ว่าจะรักกันมากก็ตาม คุณสามารถสอนทักษะการจัดการความขัดแย้งให้ลูกหลานวัยรุ่นได้

แต่เมื่อการทะเลาะกลายเป็นการลงไม้ลงมือ เกิดขึ้นบ่อย หรือลามมาถึงเด็กด้วย ก็จะเป็นความเครียดเป็นพิษของทุกคน เด็กอาจตั้งใจจะไม่มีความรักหรือแต่งงาน สถานการณ์แบบนี้จะทำให้พวกเขาทำเรื่องปกติที่สุดของมนุษย์ ด้วยการหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดทั้งในตอนนี้และอนาคต

จากนั้น ก็มีการแยกทางหรือหย่า หลายครั้งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งตัว พ่อแม่ที่หวังว่าจะป้องกันลูกไม่ให้เจ็บปวด จะเก็บการแยกทางที่กำลังจะเกิดขึ้นไว้เป็นความลับ เด็กๆ จะไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า พวกเขาจะกลับบ้านมาพบว่าข้าวของของพ่อไม่อยู่แล้ว และพ่อก็ไม่อยู่ และจะไม่กลับมาอีก หลายครั้งที่เด็กจะโทษตัวเอง การล่มสลายของครอบครัวเป็นหนึ่งในตัวอย่างความเครียดเป็นพิษที่เจ็บปวดที่สุด หลังการหย่าหรือแยกทาง ฝ่ายที่ดูแลเด็กก็อาจจะมีความรัก ย้ายเข้าไปอยู่กับคนใหม่ หรือแม้แต่แต่งงานใหม่ ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องเครียดสำหรับเด็กๆ

6.การเจ็บป่วยเรื้อรังในครอบครัว

ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เช่น เป็นไข้หวัดสามวัน หรือการตรวจพบโรคระยะสุดท้าย หากครอบครัวปกปิดเรื่องความเจ็บป่วยหรือความหนักหนาของอาการไว้ จะส่งผลให้เด็กที่ไม่ได้เตรียมตัวก็คือเด็กที่ไร้เกราะป้องกันความเจ็บปวดทางใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้

ถ้าคุณเตรียมตัวเด็กให้พร้อมเข้าใจว่าชีวิตและสุขภาพไม่ใช่สิ่งที่จะยืนยงคงทนตลอดไป พวกเขาก็จะรับมือกับโจทย์ยากพวกนี้ได้ดีกว่า พวกเขาอาจสะเทือนใจจนเลือกเรียนหมอ เก็บเงินบริจาค หรือเข้าร่วมทีมดูแล ความเจ็บป่วยเป็นได้ทั้งความเครียดที่รับได้และความเครียดเป็นพิษ ความแตกต่างขึ้นอยู่กับความพร้อมภายในของเด็กเอง และสิ่งที่ผู้ปกครองสอนมา 

7.ความตายของผู้เป็นที่รัก

แน่นอนว่าทุกคนต้องตายสักวันหนึ่ง เราได้แต่หวังว่าจะมีชีวิตที่เป็นสุข เป็นที่รัก และสร้างงานได้ไปจนถึงวันนั้น

ความตายครั้งแรกที่เด็กๆ ได้พบอาจเป็นของสัตว์เลี้ยงที่รักหรือญาติใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นปลาทองหรือสุนัขที่อยู่กับเด็กมาตลอดชีวิต ความเศร้าก็มากมายทั้งสิ้น เช่นเดียวกัน การเตรียมตัวทำให้มีทักษะรับมือที่ดีกว่า ความตายสามารถเป็นได้ทั้งความเครียดที่รับได้หรือความเครียดเป็นพิษ

8.การย้ายบ้าน

การย้ายบ้านเป็นเรื่องเกิดได้บ่อยในชีวิตเด็กจำนวนมาก เด็กที่พ่อแม่ทำงานในกองทัพ งานต่างประเทศ หรืองานที่ต้องโยกย้ายทุกสองสามปีจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี แต่เด็กบางคนที่ไม่เคยรู้จักการย้ายจากบ้าน ละแวกบ้าน โรงเรียน หรือเพื่อนๆ ก็อาจต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่หลายเดือน

9.การย้ายโรงเรียน

การย้ายโรงเรียนอาจเป็นได้ทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก หากครอบครัวเคยอาศัยอยู่ในเมืองชนบทเล็กๆ มีโรงเรียนอยู่สองแห่ง โรงเรียนประถมกับโรงเรียนมัธยม เด็กๆ ในเมืองเล็กจะไปโรงเรียนกับเด็กคนเดิมจากครอบครัวเดิมๆ ความเครียดก็จะมีอยู่ในฉากหลังเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นในเขตเมืองใหญ่ มีเด็กจำนวนพันคนเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมที่พวกเขากำลังจะไปเรียน เพื่อนนักเรียนก็มาจากส่วนต่างๆ ของเมือง อาจจะพูดภาษาต่างกัน มีความคาดหวังและขนบธรรมเนียมต่างกัน และคาดหวังให้เด็กคนอื่นยอมตาม การย้ายโรงเรียนเป็นตัวก่อความเครียดระดับสูงที่มีผลกระทบต่อเด็กทุกคน การย้ายจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัว

10.มีเรื่องต้องทำมากเกินไป

เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากทุกวันนี้มีสิ่งที่ต้องทำมากเกินเวลาพักผ่อน  นั่นหมายความว่า เมื่อวัยรุ่นอยู่มัธยมปลายปีสุดท้าย ภาระการบ้านของพวกเขาก็จะเป็นคืนละสองชั่วโมงกว่า จากการสำรวจโดยสมาคมผู้ปกครองของอเมริกา วัยรุ่นให้ข้อมูลว่าต้องทำการบ้านเฉลี่ยสามชั่วโมงต่อคืนเป็นอย่างต่ำ วัยรุ่นบางคนกล่าวว่าทำการบ้านถึงเจ็ดชั่วโมงต่อวัน

นอกจากโรงเรียนแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอีกมากที่กินเวลาของเด็ก เช่น กิจกรรมทางศาสนา  การซ้อมกีฬา กิจกรรมลูกเสือ เรียนดนตรีหรือเต้นรำ หรือเรียนพิเศษ ลองบวกเวลาที่ลูกคุณใช้ไปกับกิจกรรมนอกหลักสูตรในแต่ละสัปดาห์ และนำไปบวกเข้ากับเวลาที่ใช้ไปโรงเรียนและการบ้าน ถ้ารวมแล้วใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ใหญ่ใช้ทำงานหลัก ก็แปลว่าลูกของคุณใช้เวลากับมันมากเกินไปแล้ว

11.ความคาดหวังมากเกินไป

เด็กบางคนก็ลำบากกับการทำตามความคาดหวังของพ่อแม่ ปรากฏการณ์คุณแม่ (หรือพ่อ) จอมเข้มงวดมีอยู่ในทุกวัฒนธรรม  เป็นเรื่องลำบากมากที่เด็กจะสู้กับความคาดหวังที่ไม่อยู่บนฐานความจริง ยิ่งกว่านั้น พวกเขามักรับความคาดหวังเหล่านั้นเป็นของตัวเอง และรู้สึกล้มเหลวเมื่อไม่สามารถทำได้

12.ปัญหาการเงินของครอบครัว

ในโลกนี้มีครอบครัวจำนวนมากที่พบกับปัญหาทางการเงินหนักหนา  การตกงาน เจ็บป่วยร้ายแรง การต้องดูแลครอบครัวขนาดใหญ่ สามารถทำให้งบประมาณครอบครัวที่มีน้อยอยู่แล้วกลายเป็นปัญหาการเงินและส่งผลต่อความเครียดเรื้อรังจนเป็นพิษได้

อ้างอิงจาก https://wetheparents.org/child-stress

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ