นวัตกรรม 366 Q-Kids:
ยกระดับมาตรฐานศูนย์เด็กเล็ก พัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างรอบด้าน
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางประชากรศาสตร์ที่สำคัญ นั่นคือ อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเข้าสู่สภาวะ “สังคมสูงวัย” อย่างเต็มตัว แม้จำนวนเด็กเกิดใหม่จะน้อยลง แต่ความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยกลับยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น เพราะเด็กทุกคนคือทรัพยากรอันมีค่าที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและทรัพยากร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีแนวทางการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และสามารถยกระดับคุณภาพการดูแลได้อย่างทั่วถึง โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ในบริบทนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ผลักดันนโยบายและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเป็นรูปธรรม ท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็ว
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัย ปี 2566 โดยสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เด็กปฐมวัยไทยจำนวนมากมีพัฒนาการล่าช้าในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการใช้ภาษาที่พบสูงถึง 74.8% ตามมาด้วยการเข้าใจภาษา 60.9% ด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา 44.6% และด้านการเคลื่อนไหว 28.2% นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. ยังเน้นย้ำว่า “นอกจากนี้ ยังพบว่ามีเด็กอีกจำนวนมากเข้าไม่ถึงระบบฟื้นฟู ติดตามช่วยเหลือ อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่อง ซ้ำเติมให้เกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอย” สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาและปรับปรุงระบบการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ประกาศผลักดันนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต” ให้เป็นวาระแห่งชาติ นโยบายนี้ประกอบด้วยการเร่งกำหนดการฟื้นฟูพัฒนาการเด็กปฐมวัยเป็นวาระแห่งชาติ เร่งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และเร่งค้นหา เยียวยาและพัฒนาเด็กปฐมวัยในภาวะเปราะบาง ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งลดการใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยอย่างจริงจัง ลดความเครียดและการใช้ความรุนแรงกับเด็ก พร้อมทั้งเพิ่มกิจกรรมฟื้นฟูพัฒนาการ เพิ่มสวัสดิการเด็กทั่วหน้า และเพิ่มศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน โดยมีแนวทางการทำงาน ดังนี้
1. สกศ. รับผิดชอบประสานการจัดทำแผนการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยใช้เว็บไซต์ “ปฐมวัยไทยแลนด์” เป็นสื่อกลางเพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าให้กับผู้ที่สนใจ 2. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็น 4 กระทรวงหลักร่วมกับกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่น ขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม 3. คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย และภาคเอกชน จัดทำแผนการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เชิงรุก นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง Mindset ของคนในสังคม ในการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างถูกวิธี โดยผ่าน Main Campaign “เพิ่มเวลาคุณภาพ เล่นเป็น กอดเป็น เล่าเป็น” และ Second Campaign “งดจอก่อนสองขวบ ร่วมสร้างวินัย ไม่ใช้ความรุนแรง”
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนว่า “ทำอย่างไรให้คนรอบตัวเด็ก คนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เด็กเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน สถานการณ์โควิดเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่การติดจอของเด็กเป็นกระแสโลก ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น สมาธิสั้น ผู้ใหญ่ต้องคอยดูแลใกล้ชิด ครูต้องให้ความเชื่อมั่นเด็ก และเป็นแบบอย่างที่ดี” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อร่วมกันพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ในการตอบสนองต่อนโยบายดังกล่าว สสส. ได้พัฒนานวัตกรรม “366 Q-Kids” ขึ้น โดยณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. อธิบายว่า “366 Q-Kids เกิดขึ้นภายใต้โครงการขยายผลเพื่อพัฒนาคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเครือข่ายตําบลสุขภาวะ เป็นการบูรณาการระหว่างแผนสุขภาวะชุมชนและแผนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว” นวัตกรรมนี้ประกอบด้วย 3 ตัวช่วยสำคัญ ได้แก่ เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ทีมวิชาการพี่เลี้ยง และชุดความรู้พร้อมใช้ ผ่านการดำเนินกิจกรรม 6 รูปแบบ ในระยะเวลา 6 เดือน โดยใช้รูปแบบผสมผสานทั้งการเรียนรู้แบบออนไซต์และออนไลน์
การพัฒนา 366 Q-Kids ไม่ใช่เรื่องง่าย ณัฐยาเล่าถึงกระบวนการพัฒนาว่า “กว่าจะเป็น 366 Q-Kids ในวันนี้ ได้ผ่านการลองผิดลองถูกและมี ‘Lesson Learned’ มาแล้วมากมาย” โดยเริ่มจากการทดลองใช้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจริง ซึ่งใช้เวลานานถึงหนึ่งปี ก่อนจะปรับลดเหลือ 9 เดือน และทดลองใช้รูปแบบออนไลน์ 100% ซึ่งพบว่าไม่ได้ผลเท่าที่ควร จนในที่สุดจึงได้พัฒนามาเป็นรูปแบบผสมผสานในปัจจุบัน การพัฒนานี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาศักยภาพของครูและบุคลากรในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ผลลัพธ์เบื้องต้นของนวัตกรรม 366 Q-Kids น่าพอใจอย่างยิ่ง ปัจจุบันมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเข้าร่วมโปรแกรมและเกิดเป็นต้นแบบแล้ว 51 แห่ง ครอบคลุมการยกระดับพัฒนาการเด็กปฐมวัยกว่า 2,000 คน ความสำเร็จนี้นำไปสู่แผนการขยายผลในอนาคต โดย สสส. มีแผนที่จะร่วมมือกับ 4 กระทรวงหลักที่เป็นเจ้าภาพงานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อขยายผลโปรแกรมให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นพ.พงศ์เทพ กล่าวทิ้งท้ายถึงวิสัยทัศน์ของ สสส. ว่า “สสส. มีเป้าหมายในการสร้างเสริมสุขภาวะประชากรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย เพราะเป็นวัยสร้างฐานทุนสุขภาพที่ดีตลอดชีวิต” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการลงทุนในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาในระยะยาว
นวัตกรรม 366 Q-Kids จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยของไทย ด้วยการผสมผสานระหว่างนโยบายระดับชาติ การมีส่วนร่วมของชุมชน และการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม เชื่อว่าจะช่วยให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ สมวัย และมีความพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต การดำเนินงานนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาพัฒนาการล่าช้าในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศในระยะยาวอีกด้วย